การฉีดยาสลายพังผืดช่องไขประสาทหลังผ่านทางผิวหนัง (P.E.N)
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่สามารถ รักษาโรคปวดหลังได้หลายชนิด โดยไม่ต้องผ่าตัดหลังครับ โดยใช้เครื่องมือชนิดใหม่จากต่างประเทศที่มีรายละเอียด ดังนี้ครับ
1.เครื่องมือตัวนี้ ได้ถูกออกแบบมาใหม่ มีชื่อว่า PCM (Pain Control Manipulator) โดยมีด้ามจับ ต่อกับสายที่มีขนาดเล็กมาก คือมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 มม. ยาว 30 ซม. ตรงปลายท่อเล็กๆนี้ ยังซ่อนท่อเล็กกว่า สำหรับใช้ฉีดยา สายเล็กๆนี้จะค่อยๆถูกสอดเข้าไปในช่องด้านหลังกระดูกเชิงกราน บริเวณเหนือก้นกบ แล้วเลื้อยขึ้นไปด้านบนที่ช่องกระดูกสันหลังส่วนเอวที่ติดต่อกัน ไปถึงจุดที่มีพังผืดไปรัด
2.ตำแหน่งของช่องกระดูกสันหลังส่วนเอวที่เป็นพื้นที่ที่ก่อโรค สามารถเข้าถึงจากการสายของ PCM ที่สอดขึ้นไปหาจากด้านล่าง
3.สามารถเลาะ ตัด พังผืดรอบถุงไขประสาทได้ เรียกว่า Mechanical Lysis เพราะมีตัวควบคุมการเคลื่อนไหวปลายท่อ ทำให้สามารถเลื้อยเคลื่อนไหวไปมา และเลาะตัด พังผืดที่อยู่รอบถุงไขประสาท ให้หลุดออกจากการกดทับ หรือ ดึงรั้งเส้นประสาทได้
4.มีช่องที่ด้ามจับ ทำให้สามารถฉีดยา แก้อักเสบ ยาละลายพังผืดตรงจุดก่อโรคในคราวเดียวกัน ได้หลายตำแหน่งของช่องกระดูกสันหลัง ซ้ายและขวา จากการสอดสายเข้าไปเพียงตำแหน่งเดียว
จุดเด่นเทคนิคการสลายพังผืดช่องไขประสาทหลังผ่านทางผิวหนัง
Percutaneous Epidural Neuroplasty มีดังนี้
1.ไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ แผลมีขนาดเล็กกว่าการส่องกล้องผ่าหลัง
2.มีเสียเลือดน้อยมาก เนื่องจากเป็นการสอดสายเล็กๆเข้าไปในช่องที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติของกระดูกเหนือก้นกบ
3.ผู้ป่วยที่ใช้วิธีนี้ ก็ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องนอนพักรักษาตัวโรงพยาบาล
4.ผู้ป่วยที่รักษาวิธีนี้ไม่ต้องวางยาสลบ หรือ บล้อคหลัง
5.นอกจากนี้ หลังทำเสร็จแล้วไม่ต้องมีการเย็บแผลเนื่องจากแผลมีขนาดเล็กมาก ประมาณ3-5 ม.ม.
6. หลังทำเสร็จนอนพักในห้องพักฟื้น สาม-สี่ชั่วโมงแล้วก็กลับบ้านได้
จุดมุ่งหมายของการทำ การสลายพังผืดช่องไขประสาทผ่านทางผิวหนัง (Percutaneous Epidural Neuroplasty)
จากความจริงทางการแพทย์ที่ค้นพบ ว่า พังผืด หรือ Scar Fibrosis ที่เกิดขึ้นรอบช่องไขประสาทมีส่วนที่สำคัญที่ทำให้ เส้นประสาทถูกกดทับ อักเสบ เลือดแดงไม่สามารถผ่านเข้าไปหล่อเลี้ยงเส้นประสาทได้เต็มที่ และนำหล่อเลี้ยงไขประสาทที่นำอาหารมาให้เซลประสาทเคลื่อนลื่นไหลไม่ดี ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลัง และร้าวลงขามาก โดยจะพบพังผืดมากในโรคต่อไปนี้
1.ผู้ป่วยที่เคยถูกผ่าตัดหลังมาก่อน แต่ไม่มีการดูแลรัการะบบโครงสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังต่อเนื่อง
2.ผู้ป่วยหมอนรองกระดูกสันหลัง หรือ กระดูกสันหลังเคลื่อนกดทับเส้นประสาทเป็นระยะเวลาหนึ่ง
3.ผู้ป่วยที่มีอายุมาก กระดูกสันหลังเสื่อม ช่องกระดูกสันหลังแคบ หรือ ตีบ มีการอักเสบบริเวณหลังเรื้อรัง
ขั้นตอน
การทำการสลายพังผืดช่องไขประสาทผ่านทางผิวหนัง (Percutaneous Epidural Neuroplasty)
1.อดอาหาร น้ำ ก่อน 6-8 ชั่วโมง
2.ทำในห้องที่ควบคุมความสะอาด เช่น ในห้องผ่าตัด และต้องใช้เครื่องมือ C-Arm X-Ray ซึ่งเป็นเครื่อง x ray ที่เห็นภาพในทันที(Real Time)จากจอมอนิเตอร์ไม่ต้องรอดูจากฟิล์ม เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของสายและปลายท่อให้ไปถึงจุดที่ต้องการบริเวณเอว
3.ผู้ป่วยนอนคว่ำ โดยผุ้ป่วยรู้ตัวตลอดเวลาที่มีการทำการเลาะตัดพังผืด และฉีดยา สามารถพูดคุยกับหมอได้ตลอดเวลา โดยใช้เวลาทำ ตั้งแต่ 5 -15 นาที ขึ้นอยู่กับต้นเหตุของโรคบริเวณกระดูกสันหลังส่วนเอวมีกี่ตำแหน่ง
ภาพแสดง ขั้นตอนการทำ Percutaneous Epineural Neuroplasty
4.ทำความสะอาดผิวหนังตำแหน่งที่จะสอดสายเข้าไป ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไปที่ใช้ในห้องผ่าตัด
5.ฉีดยาชาเฉพาะจุด เพื่อทำให้ผุ้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บขณะที่สอดสายท่อเล็กๆขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ม.ม. ผ่านผิวหนัง ค่อยๆสอดท่อเข้าไป โดยดูตำแหน่งของสาย จาก C Arm X-ray หรือ Bi Plane X ray
6.เมื่อปลายสายของ PCM(Pain Control Manipulator)ไปถึงตำแหน่งที่ต้องการ เช่น หมอนรองกระดูกกดทับอยู่ที่ข้อเอว 4-5 จะมีการฉีดยาละลายพังผืด และยาแก้อักเสบ รวมทั้งมีการควบคุมให้ปลายสายให้เคลื่อนไหวไป เลาะพังผืดที่อยู่หน้าถุงไขประสาทให้หลุดออกไปทำให้ช่องไขประสาทมีพื้นที่กว้างขึ้น
7.ใช้เวลาฉีด และสลายพังผืดประมาณ 1-2 นาที่ต่อหนึ่งปล้องกระดูกสันหลัง ก็ดึงสาย ออกมาหมด ทำความสะอาดแผลผิวหนังที่ตรงตำแหน่งที่สอดสาย ปิดแผลด้วย พลาสเตอร์เป็นเสร็จขั้นตอน ให้ผู้ป่วยพลิกตัวนอนหงายได้ และนำผู้ป่วยไปพักฟื้นที่ห้องพักฟื้น ประมาณ 3-4 ชั่วโมงก่อนอนุญาตใหผู้ป่วยกลับบ้านได้ และนัดตรวจใน 3-7 วันต่อมา
ผลที่เกิดขึ้น จากเทคนิค การสลายพังผืดรอบไขประสาทหลังผ่านทางผิวหนังนี้ มีสองระยะครับ
1.ผลที่เกิดขึ้นทันที
-ลดอาการปวดหลัง ร้าวลงขาได้ทันที จากยาชา ยาอักเสบที่ฉีดเข้าไปตรงจุดมากกว่าวิธีการฉีดยาเข้าช่องไขประสาทวิธีอื่น
-เพิ่มความกว้างของช่องไขประสาท จากยาละลายพังผืด
2.ผลระยะยาว
-เลาะ ทำลายพังผืดที่อยู่รอบๆช่องไขประสาท
-เพิ่มช่องว่างรอบๆขั้วเส้นประสาท
-ช่องว่างที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยาที่ฉีดเข้าไปได้อย่างทั่วถึงในบริเวณที่เป็นต้นเหตุของโรคมากกว่า
ผู้ที่เหมาะสมที่จะทำเทคนิค การสลายพังผืดรอบไขประสาทหลังผ่านทางผิวหนัง (P.E.N)
•โรคปวดหลังเรื้อรัง รักษาโดยการทานยา ทำกายภาพไม่ดีขึ้น รวมทั้งโรคปวดหลังที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดหลัง
•หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน โรคกระดูกสันหลังเคลื่อน
•เส้นประสาทหลังอักเสบ จาก
–กระดูกงอกกดทับ
–พังผืดที่เกิดขึ้นจากเยื่อหุ้มช่องไขประสาทหนาตัว
–ช่องไขประสาทตีบ ตัน
•ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องผ่าตัด แต่ร่างกาย อายุ โรคประจำตัวไม่อำนวย
•ผู้ป่วยที่กลัวการผ่าตัดหลัง อย่างมากมาย แต่ไม่สามารถทนทรมานจากอาการที่มีอาการปวดหลัง ร้าวลงขามาก
ข้อจำกัดในการใช้วิธีนี้
1.ควรทำโดยแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ
2.ต้องใช้เครื่อง C arm X-ray ที่ไม่มีในทุกโรงพยาบาล
3.ผู้ป่วยต้องให้ความร่วมมือ 4. รักษาได้เฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในตำแหน่งกระดูกสันหลังส่วนเอวเท่านั้น
ข้อห้ามทำ
-ติดเชื้อในกระแสเลือด
-ติดเชื้อเรื้อรัง
-มีแผลอักเสบที่ผิวหนังบริเวณที่จะใส่สาย
-โรคเลือด
-โรคหัวใจที่รุนแรง
-ผู้ป่วยปฏิเสธ
-โรคซึมเศร้ารุนแรง !!
ข้อมูลด้านสถิติ
การรักษาด้วยวิธี เทคนิค การสลายพังผืดรอบไขประสาทหลังผ่านทางผิวหนัง (P.E.N)
ในประเทศเกาหลีได้มีการรักษาด้วยวิธีนี้เป็นจำนวนมาก ทุกโรงพยาบาลโดยเฉพาะโรงพยาบาลด้านกระดูกสันหลัง, ดังเห็นได้จาก ข้อมูลของโรงพยาบาล Cheonan Woori Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลรักษาด้านกระดูกสันหลังอย่างเดียว ในช่วงปี 2011 ทั้งปี มีจำนวนผู้ป่วยที่ถูกผ่าตัดหลัง ประมาณ 2000 ราย แต่มีผู้ที่ได้รับการรักษาวิธี การสลายพังผืดช่องไขประสาทสันหลังส่วนเอวผ่านทางผิวหนังเป็นจำนวนมากถึง 847 ราย โดยมีอัตราการหายปวดจากโรคที่เป็น มากกว่า 90 % มีอัตราการฉีดซำภายใน 1 ปี 1 % ไม่ได้ผลจำเป็นต้องผ่าตัดเข้าไปรักษา 4 %(ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก Cheonan Woori Hospital)
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อท่านหายจากอาการปวดหลัง ร้าวลงขาแล้ว ก็จำเป็นต้องมีการดูแล บริหารออกกำลังกายระบบโครงสร้างของกล้ามเนื้อ และกระดูกสันหลังให้แข็งแรงสมดุลกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ การบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางของร่างกาย ที่เรียกว่า Core Muscle โดยมีหลักการ และวิธีการที่เฉพาะ แต่ส่งผลดีต่อกล้ามเนื้อหลังและกระดูกสันหลังอย่างมาก ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป ในครั้งหน้าครับ
วิธี การสลายพังผืดช่องไขประสาทหลังผ่านทางผิวหนังโดยใช้สายเล็กๆนี้ ถึงแม้จะปลอดภัยสูง ความเสี่ยงน้อย แต่ถ้าเราไม่แก้ไขที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง โอกาสจะหายขาดจากโรคปวดหลังก็จะมีน้อยลงครับ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา ด้วยการสลายพังผืดช่องไขประสาทผ่านทางผิวหนัง จึงจะต้องเข้าโปรแกรมการฝึกบริหารกล้ามเนื้อหลังชั้นในให้แข็งแรงอย่างถูกต้องเท่านั้น จึงจะเรียกว่า เป็นการรักษาที่สมบูรณ์โดยสามารถทำที่บ้านและทำอย่างสม่ำเสมอที่บ้านครับ
เทคนิคการใช้ “บอลลูนรักษากระดูกยุบ” (Balloon Kyphoplasty)
การใช้บอลลูนเล็กๆสอดเข้าไปในกระดูกสันหลัง ปล้องที่ยุบตัว และใช้แรงดัน ดันให้กระดูกสันหลังปล้องนั้นหายยุบตัวก่อน หลังจากนั้นจึงถอนบอลลูนออกและค่อยฉีดซีเมนต์เข้าไปในโพรงกระดูกที่บอลลูนสร้างขึ้นจนเต็ม โดยมีข้อดีที่ชัดเจน ไม่ต้องผ่าตัด
ทั่วโลกมีคนที่มีอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกบาง ถึง 100 ล้านคนครับ เฉพาะที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนที่มีอัตราเสี่ยงเป็นโรคนี้ 44 ล้านคน (2002) เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ถึง 4 เท่า และมากกว่าครึ่งอายุมากว่า 55 ปี ใช้งบประมาณในการรักษามูลค่ามากถึง 20 Billion Dollarsต่อปี ซึ่งไม่นาเชื่อว่า มีมูลค่าในการใช้จ่ายรักษาโรค มากกว่าโรคหัวใจเสียอีกครับ (มูลค่าในการรักษา = ค่าใช้จ่ายจริงจากโรงพยาบาลที่รักษา+ ค่าความเสียหายจากจำนวนวันที่ไม่สามารถทำงานได้)
ในแต่ละปีโรคนี้ก็ทำให้ชาวอเมริกันมีกระดูกหัก มากถึง 1.5 ล้านคนต่อปี โดยเป็นกระดูกสันหลังหักมากที่สุด ถึง 700,000 คนต่อปี (ข้อมูลจาก National Osteoporosis Foundation) ถ้ามีกระดูกสันหลังหักที่ช่วงบนบริเวณช่องอกก็จะถูกกระทบกระเทือน ปริมาตรช่องว่างของปอดที่ใช้ในการหายใจจะหายไปถึง 9 % แน่นอนว่าจะต้องกระทบกระเทือนต่อการหายใจในผู้ป่วยสูงอายุที่ไม่ค่อยมีแรงอยู่แล้วครับ
คนที่กระดูกบาง เพียงแค่ล้มก้นกระแทกพื้นเบาๆ นั่งในรกกระเทือนหน่อย หรือเอี้ยวตัวผิดท่า ก็อาจจะทำให้กระดูกสันหลังหักแบบยุบตัวโดยไม่รู้ตัวครับ และ ผ่านไปวันสองวัน หรือเป็นอาทิตย์จึงจะเริ่มมีอาการมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
อาการที่เกิดขึ้นก็จะเริ่มตั้งแต่ จะมีอาการปวดหลัง ปวดบั้นเอว รูปร่างของกระดูกสันหลังจมีความผิดปกติ เช่น ความสูงของปล้องนั้นจะลดลง รูปร่างกระดูกสันหลังจะโก่งมากขึ้น การใช้ชีวิตตามปกติจะแย่ลง ลุกขึ้นจากเตียงลำบาก เอี้ยวตัวไม่ได้ เพราะจะปวดมาก เดินไกลหรือเดินนานๆไม่ได้ คุณภาพชีวิตที่ดีโดยรวมจะลดลง แน่นอนว่าใช้ร่างกายทำงานได้น้อยลง ความหนาแน่นและความแข็งแรงของกระดูกจะลดลงเนื่องจากการใช้งานที่ลดลง มีผลทำให้กระดูกสันหลังปล้องอื่นๆหักตามมาอีก อาจจะมีโรคปอดแทรกซ้อนขึ้นมา เพราะการทำงานของปอดที่ลดลงไป และสุกท้ายก็คือ อัตราการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น23-43%
การรักษาโรคกระดูกสันหลังยุบตัวมี 4 ทางเลือกครับ
1.การรักษาแบบประคับประคอง
การให้นอนพัก ทานยาแก้ปวดแก้อักเสบ ใส่เสื้อประคองหลัง หลีกเลี่ยงการกระเทือนหลัง รอให้กระดูกติดเอง แต่เราต้องยอมรับสภาพรูปร่าง กระดูกสันหลังที่ยุบตัวลงไป หรือรูปร่างหลังที่โก่งไป ตัวที่เตี้ยลงว่า ไม่สามารถทำให้ฟื้นคืนใกล้เคียงของเก่าได้ โดยวิธีนี้ มีข้อเสียตรงผู้ป่วยจะมีอาการปวดกระดูกสันหลังนาน(3-4 เดือน) การเสียคุณภาพการใช้ชีวิตจะนานกว่าจนกว่ากระดูกสันหลังจะติดกัน และข้อที่สำคัญมากที่ทางการแพทย์ค้นพบมา ก็คือการรักษาแบบนี้ อาจจะทำให้มีโอกาสเกิดกระดูก สันหลังหักปล้องอื่นๆตามมาอีกไม่รู้จบ เหมือนตึกสูงที่ชั้นกลางๆ ที่เมื่อพังทรุดตัวเอียงลงไปแล้ว น้ำหนักที่กดลงชั้นอื่นๆจะเสียสมดุล และมีแรงกดมากขื้นข้างใดข้างหนึ่ง จนชั้นอื่นๆก็จะทรุดตัวตามลงมาครับ
4.การใช้บอลลูนดันกระดูกสันหลังปล้องที่หักยุบตัวก่อนฉีดซีเมนต์
การใช้บอลลูนเล็กๆสอดเข้าไปในกระดูกสันหลัง ปล้องที่ยุบตัว และใช้แรงดัน ดันให้กระดูกสันหลังปล้องนั้นหายยุบตัวก่อน หลังจากนั้นจึงถอนบอลลูนออกและค่อยฉีดซีเมนต์เข้าไปในโพรงกระดูกที่บอลลูนสร้างขึ้นจนเต็ม โดยมีข้อดีที่ชัดเจน ไม่ต้องผ่าตัด
เพียงใช้เข็มเล็กๆสอดนำและทำทางเข้าก่อนจะสอดบอลลูนที่ยังไม่พองตัวเข้าไป ผลของการรักษา ทำให้ลดอาการปวดจากการดูกที่หัก ไม่ทำให้กระดูกสันหลังปล้องที่หักเสียการเคลื่อนไหวเหมือนการผ่าตัดดามกระดูกด้วยโลหะ สร้างความมั่นคงให้กระดูกสันหลัง แก้ไขรูปร่างที่ยุบตัวและโก่งให้ดีขึ้น และโอกาสรั่วของซีเมนต์ออกนอกกระดูกสันหลังน้อยกว่าการฉีดซีเมนต์อย่างเดียว
ข้อดีของวิธีนี้ คือ คนไข้จะหายปวดเร็วมาก บางคนแค่เพียงข้ามคืนหลังจากทำ ก็สามารถลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันได้โดยไม่ปวดมากเหมือนเดิมที่ต้องนอนทรมานนิ่งๆ ไม่ต้องมีแผลผ่าตัดที่ยาว ไม่ต้องเสียเลือดมากมากเหมือนการผ่าตัด และการฟื้นตัวเร็วมากทั้งที่ตอนหักใหม่ต้องนอนบนรถเข็นอย่างเดียวเพราะจะปวดหลังมาก
ข้อเสียวิธีนี้ คือ มีราคาแพงในส่วนของเครื่องมือและบอลลูนใช้ได้แค่ครั้งเดียว และต้องใช้Flu X rayตลอดเวลาที่ทำอยู่ (Flu X ray คือX ray ที่เห็นภาพบนจอทีวีทันที่ในขณะทำ) ซึ่งเครื่องมือนี้ไม่ได้มีในทุกโรงพยาบาล บวกกับต้องทำในมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เท่านั้นครับ
New Technique in Kyphon Kyophoplasty จากการสังเกตุและประสบการณ์โดยส่วนตัวแล้วพบว่าเทคนิคที่จะทำให้การรักษาด้วยวิธีนี้ให้ได้ผลดีขึ้นในการรักษา โรคกระดูกสันหลังหักแบบยุบตัวนั้น จะต้องประกอบสิ่งต่างๆเหล่านี้ครับ
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าวิธีนี้จะปลอดภัยมากในการรักษาระดับหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีวิธีใด วิธีหนึ่งที่เหมาะสมกับผู้ป่วยทุกรายครับ จำเป็นต้องปรึกษากับแพทย์ประจำตัวของท่านก่อนครับ และถ้าเป็นไปได้ ควรจะหาทางป้องกันทำให้กระดูกเราแข็งแรงดีกว่าครับ
กระดูกสันหลังยุบ หัก ย่น โก่ง ต้องทำอย่างไร ?
คนที่มีปัญหา เรื่อง กระดูกสันหลังยุบ ลงมามาก จนหลังโก่งอย่างเห็นได้ชัด มีอาการปวดหลังมาก อาจต้องหาทางรักษาแก้ไข หรือทำการผ่าตัด
เวลาคนเราหกล้ม เอาก้นกระเเทกกับพื้นอย่างรุนเเรง โดยทั่วไปทั้งหมอ เเละผู้ป่วยมักจะไปเพ่งความสนใจอยู่ที่กระดูกก้นกบ ว่ามีการหักหรือไม่ เเต่ในความเป็นจริง เรากลับพบว่า มีการละเลยกระดูกอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งมี ความสำคัญมากกว่า เพราะถ้าไม่ดูแลรักษาให้ถูกต้อง ตั้งแต่ครั้งแรก มักจะส่งผลเสียทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มากมาย บางคนอาจจะถึงขั้นต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข เสียเวลา เสียเงินทองในการรักษามากกว่าเดิมครับ
“ปวดหลัง”ผ่าตัดทางเลือกสุดท้าย ตอนที่ 1
“ปวดหลัง” ผ่าตัดทางเลือกสุดท้าย ตอนที่ 1
มีถึง 12 วิธี หรือ 12แนวทางการปฏิบัติตัวครับ ที่จะป้องกันหรือหลีกเลี่ยง ไม่ให้โรคปวดหลังนั้นลุกลามไปทำร้ายเส้นประสาทหลัง อันเป็นต้นเหตุที่สำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยต้องถูกผ่าตัดหลังหมดโอกาสที่จะรักษาด้วยวิธีอื่น เป็น 12 วิธี ที่ได้มาจากการรวบรวมข้อมูลของผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลัง แต่ปฏิบัตตัวไม่ถูกต้องเพราะความเข้าใจผิด ดื้อ ทำตามเพื่อนผู้หวังดี แต่ไม่มีความรู้ และไม่ทำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา
จากสถิติทางการแพทย์เราพบว่า ในช่วงชีวิตของคนทุกคน ตั้งแต่เด็กจนกระทั้งแก่เฒ่า จะมีโอกาสปวดหลังชนิดรุนแรงอย่างน้อยก็หนี่งครั้งในชีวิตครับ แต่ก็เป็นหนึ่งครั้งที่มีความสำคัญมาก เพราะถ้าเราดูแล รักษาไม่ถูกวิธีตั้งแต่ครั้งแรก โอกาสที่โรคปวดหลังจะเรื้อรัง และลุกลามก็จะมีสูงขึ้น จนกระทั่งรักษาด้วยยาไม่หาย และ สุดท้ายก็ต้องถูกผ่าตัดหลัง
อาการปวดหลังชนิดรุนแรงนั้น จะมีลักษณะเฉพาะ ที่เวลาเกิดขึ้นแล้ว ตัวจะแข็ง หลังจะแข็ง ไม่สามารถเดิน หรือยืนได้นานๆ เวลาเผลอเอี้ยวตัว หรือก้มหลัง เพียงเล็กน้อย ก็จะเสียวแปล้บ เจ็บ หรือปวดอย่างรุนแรง ต้องเดินตัวแข็งเหมือนหุ่นยนต์ บางคน อาจจะมีอาการเจ็บเสียวลงไปถึงขา เหมือนใครมาฉีกกล้ามเนื้อ มีอาการชาที่ต้นขา หรือน่องตามมาด้วย
กระดูกสันหลังของคนเราก็เหมือนกับเสากระโดงของเรือใบ โดยที่มีเชือกขึงตึงอยู่ทั้งสองข้าง เส้นเขือกที่ขึงตึงอยู่ข้างเสากระโดงเรือก็คือกล้ามเนื้อที่ประคองกระดูกสันหลัง ต้นเหตุที่เกิด มักจะเกิดจากการอักเสบของกล้ามเนื้อหลังมัดนี้อย่างรุนแรง โดยจะเป็นกับกล้ามเนื้อหลังชั้นใน ที่มีหน้าที่คอยประคับประคองกระดูกสันหลัง (Paraspinal Muscles) อยู่สองข้าง กล้ามเนื้อมัดนี้มีความสำคัญมากครับ เพราะเนื่องจากการที่กล้ามเนื้อมัดนี้อยู่ใกล้ชิดกระดูกสันหลัง จึงมีหน้าที่คอยป้องแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้นที่หมอนรองกระดูกสันหลัง แต่คนบางคนปล่อยปละละเลย ไม่ได้หมั่นดูแลกล้ามเนื้อมัดนี้ให้แข็งแรงอยู่อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เกิดความอ่อนแอของกล้ามเนื้อมัดนี้ (Paraspinal Muscles) เมื่อมีแรงมากระแทกที่หลังมาก และผิดจังหวะ เช่น ก้มหลังยกของหนัก ไอ หรือจามอย่างรุนแรง เอี้ยวตัวผิดจังหวะ โอกาสที่กล้ามเนื้อมัดนี้จะบาดเจ็บ และมีการอักเสบก็จะมีสูงขึ้น บางครั้งก็รุนแรงมากจนกระทั่งผลักให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนออกมาทับเส้นประสาทที่อยู่ข้างเคียง เกิดอาการปวดหลังชนิดที่มีอาการของการอักเสบของเส้นประสาทร่วมด้วย
อาการปวดหลังที่มีต้นเหตุที่เกิดจากเส้นประสาทที่มาจากกระดูกสันหลังและลงมาเลี้ยงขานั้น จะมีลักษณะที่แตกต่างจากการอักเสบของกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว ดังนี้ครับ
- อาการปวด โดยที่ความรู้สึกปวดนั้นไม่ได้อยู่ที่หลังอย่างเดียว แต่จะลามมาที่แก้มก้น ต้นขา หรือน่อง
ข้างใดข้างหนึ่ง และมักจะไม่ย้ายข้าง ปวดขาข้างใด ก็จะปวดข้างนั้นตลอด - อาการชา โดยจะมีอาการชา สองแบบครับ แบบแรกจะมีความรูสึกชาชนิดที่ไวต่อความรู้สึกเร็วขึ้น Hypersensitive Feeling) ลักษณะที่ชาจะคล้ายกับที่เรานั่งทับขาจนเกิดอาการเหน็บชา เหมือนเข็มตำหรือมดไต่ที่ขา เมื่อเป็นมากขึ้น ก็จะชาแบบไวต่อความรู้สึกน้อยลง (Hyposensitive Feeling) ความรู้สึกที่
ผิวหนังจะเหมือนกับว่า ชั้นผิวหนังจะหนาขึ้น เมื่อมีเข็มตำ จะไม่ค่อยรู้สึกถึงความแหลม จะมีอาการชาเป็นหย่อมๆ ไม่ใช่ทั้งขา เช่น ชาที่ต้นขาเป็นวงกว้างเท่าลูกมะนาว และอาจจะลุกลามขยายเป็นวงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ - อาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา เท้าเดินขาอาจจะกะเผลก เดินแล้วเข่า หรือ ข้อเท้าทรุด ล้มเองบ่อยๆ เดินสะดุดปลายเท้าง่าย ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า กล้ามเนื้อของขาข้างใดข้างหนึ่งอาจจะมีขนาดลีบ เล็กลงกว่าอีกข้าง โดยที่ระยะนี้เป็นระยะที่ผู้ป่วย ปล่อยให้โรคนี้เรื้อรัง จนลุกลาม ทำร้ายเซลประสาทมากเกินไป กระแสประสาทที่ส่งลงมาเลี้ยงและกระตุ้นกล้ามเนื้อขาน้อยลงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ กล้ามเนื้อเมื่อไม่สามารถบีบ รัดหดตัว หรือเคลื่อนไหว ขนาดของ
เส้นใยกล้ามเนื้อจึงลดลงครับ - อาการสุดท้าย คือ การสูญเสียระบบประสาทอัตโนมัติที่เส้นประสาทหลังนั้นควบคุมอยู่ เช่น การกลั้นปัสสาวะ หรืออุจจาระไม่ได้ เหงื่อตามผิวหนังออกน้อยลง ถ้าเราปล่อยให้เป็นถึงระยะนี้โอกาสที่จะรักษา แล้วจะหายกลับมาปกติเหมือนเก่าก็จะมีน้อยมากครับ
การสลายพังผืดช่องไขประสาทหลัง ตอนที่ 2
การสลายพังผืดช่องไขประสาทหลังผ่านทางผิวหนัง เป็นการทำให้ช่องไขประสาทหลังที่แคบจากการกดทับของพังผืด หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกดทับเส้นประสาท หรือเส้นประสาทหลังบวม อักเสบ ให้มีขนาดกว้างขึ้น(Decompression) โดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วย 2 กลไก คือ 1.Mechanical Lysis จากปลายสายที่สามารถเคลื่อนที่กวาดไปมาได้ 2.Chemical Lysis ปลายสายจะมีช่องให้สามารถฉีดสี เพื่อบอกตำแหน่ง ฉีดยาละลายพังผืด ยาลดอาการอักเสบเส้นประสาทได้ ข้อสำคัญ ผู้ป่วยไม่ต้องนอนอโรงพยาบาล ไม่ต้องหยุดงาน ไม่ต้องวางยาสลบ
หลัง : ปวดหลังมาก ไม่อยากผ่าตัด วิธี P.E.N. ช่วยได้
ปวดหลังมานาน มีแต่ให้ผ่าตัด จนมาเจอเทคนิคใหม่ เรียกว่า P.E.N. แผลนิดเดียวครับ และไม่ต้องนอนโรงพยาบาลด้วยครับ
หลัง : เทคนิคใหม่ของการรักษาอาการปวดหลัง: P.E.N.
PEN หรือ Percutaneous epidural neuroplasty เป็นนวัตกรรมการรักษาโรคทางกระดูกสันหลังที่ไม่ใช่การเปิดผ่าตัด (Interventional Technique)ที่สามารถลดอาการปวดหลังร้าวลงขาจากสาเหตุที่เส้นประสาทหลังเกิดการอักเสบจากสาเหตุต่างๆ เช่น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทหลัง การทำ PEN ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องวางยาสลบ