
บาดเจ็บเข่า ไม่ใช่เรื่องกระดูกอย่างเดียว
เมื่อคนเรา เกิดอุบัติเหตุที่หัวเข่า จากการเล่นกีฬา หรือจากการขับขี่ยวดยานพาหนะโดยเฉพาะมอเตอร์ไซด์ ทั้งหมอฉุกเฉิน และผู้ป่วยก็จะ มุ่งเน้นไปที่กระดูก กลัวว่าจะมีกระดูกหักหรือเปล่า เพราะกลัวว่า ถ้าหักแล้วจะเดินไม่ได้หลายเดือน แต่ เรากลับลืมนึกถึง อวัยวะ อยู่สามอย่างที่อยู่ภายในข้อเข่าและมีความสำคัญมากไม่น้อยไปกว่ากระดูกเลยครับ นั่นก็คือ หมอนรองกระดูก กระดูกอ่อน และ เอ็นไขว้หน้า หลัง
กระดูกอ่อน (Cartilage) เป็นอวัยวะ ซึ่งอยู่บริเวณหน้าสัมผัสของผิวข้อครับ มีหน้าที่ผลิตน้ำในข้อ เพื่อทำให้เกิดความหล่อลื่นระหว่างผิวสัมผัสภายในข้อ ในช่วงที่มีเคลื่อนไหว ของหัวเข่า อีกทั้งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญที่จะทำให้ คนเราเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมช้าลง เพราะกระดูกอ่อนทึ่เริ่มสึกหรอเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนึ้ครับ
เวลามีการบาดเจ็บเกิดขึ้นที่กระดูกอ่อนนั้น มีวิธีสังเกตุอาการดังนี้ คือ มีอาการเจ็บลึกๆ อยู่ภายในข้อเข่า ไม่สามารถกดกระตุ้นให้เจ็บมากขึ้นได้ เพราะว่ากระดูกอ่อนที่บาดเจ็บ ส่วนใหญ่จะอยู่ลึกครับ อาจจะมีอาการเข่าบวม เป็นๆ หายๆ อยู่หลายสัปดาห์หลังจากการเกิดอุบัติเหตุ งอเข่าอาจจะไม่สุดเหมือนเดิม เวลาลงน้ำหนักเดินจะเจ็บที่ข้อเข่า ในจุดเดิมซ้ำๆทุกครั้ง และจะเดินไม่ค่อยถนัด เมื่อไป x ray ก็จะไม่พบห็นสิ่งผิดปกติ เพราะกระดูกอ่อนที่แตกนั้น ไม่สามารถเห็นได้จากการ x ray ธรรมดาครับ เพราะฉะนั้น คนไข้ในกลุ่มนี้ จึงจำเป็น ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยที่ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมครับ คือ การทำ MRI (Magnatic Resonance Imaging) หรือการสแกนเข่าด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสามารถบอกความรุนแรงของการบาดเจ็บ คือ ความลึกและความกว้างของการสึกหรอของกระดูกอ่อน และยังบอกตำแหน่งที่บาดเจ็บได้อย่างแม่นยำ ทำให้เราสามารถเลือกวิธีการรักษาที่ถูกวิธีให้กับผู้ป่วยได้ถูกต้อง และฟื้นตัวเร็วขึ้น
สำหรับในเรื่องของเอ็นข้อเข่า (Ligaments) ที่บาดเจ็บนั้น เราก็ต้องทราบก่อนนะครับ ว่า บริเวณข้อเข่าของมนุษย์นั้น มืเอ็นที่สำคัญอยู่ถึง สี่เส้น คือ เอ็นประคองเข่าด้านใน (Medial Collateral Ligament) และด้านนอก (Lateral Collateral Ligament) และ เอ็นไขว้หน้า และหลัง (Anterior and Posterior Cruciate Ligaments) เอ็นเหล่านี้มีหน้าที่ช่วยทำให้ข้อเข่าแข็งแรงขึ้น กระชับมากขึ้น และมีกำลังมากขึ้น ตัวอย่งเช่น ถ้าเอ็นประคองเข่าด้านในฉีกขาด เวลาเรายืน เข่าของเราก็จะอ้าออก ทำให้ยืนได้ไม่นานและเดินนานไม่ได้ จะมีอาการปวดตรงข้อพับเข่าด้านใน ซึ่งถ้าฉีกจนหมด เราก็จะไม่สามารถยืนยันพื้นได้ และถ้าไม่ได้รักษาอย่างไม่ทันท่วงที โดย การใส่เฝือกที่หัวเข่านานถึง สองสัปดาห์ เอ็นส่วนนี้ก็อาจจะไม่ติด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเดินลำบากเรื้อรังได้ จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัด โดยเปิดหัวเข่าเข้าไปซ่อมแซมเอ็นเท่านั้นครับ
ส่วนเอ็นไขว้หน้าและหลังนั้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้บ่อยใน นักกีฬา ถ้ามีการฉีกขาด เราก็จะมีความรู้สึกไม่มั่นคงของเข่า เวลาเดินอาจจะมีอาการเหมือนคนที่เข่าจะหลุด เข่าโย้ และ อาจมีการทรุดตัวลงไป คนที่ต้องต้องการความคล่องตัวของหัวเข่า เช่น นักกีฬา หรือคนทำงานในวัยหนุ่มก็จะมีปัญหาได้
เอ็นสองเส้นนี้ ถ้ามีการฉีกขาดหมด จะไม่สามารถซ่อมแซมได้ เรียกได้ว่า ขาดแล้วขาดเลย จะไม่สามารถผ่าตัดเอามาต่อกันได้ จำเป็นต้องใช้เอ็นส่วนอื่นมาแทน แต่ก็โชคดีครับ ที่เทคโนโลยี่การผ่าตัดในส่วนนี้ พัฒนาไปถึงขั้นที่ว่า สามารถใช้กล้องส่องเข้าไป ผ่าตัดสร้างเสริมเอ็นตัวใหม่ได้ โดยมีบาดแผลเป็นรูเล็กๆเท่านั้น
อวัยวะสุดท้ายที่อยู่ในข้อ และมีโอกาสบาดเจ็บ คือ หมอนรองกระดูก (Meniscus) ซึ่งจะมีรูปร่างเป็นเหมือนครึ่งวงกลม รองรับแรงกระแทกอยู่ระหว่างข้อต่อ เราอาจจะมีอาการปวดอยู่ที่หน้าข้อเข่า มีรอยบวม กดเจ็บจากผิวหนังเข้าไป ในระยะแรกๆ แต่ถ้าปล่อยเรื้อรังก็จะเกิดปัญหา ปวดเข่าเรื้อรังได้ หรือมีอาการเข่าบวม เป็นๆ หายๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ในกรณีที่เกิดการฉีกขาดรุนแรง และชิ้นส่วนของหมอนรองกระดูกหลุดออกไปขัดขวาง การเคลื่อนไหวของข้อ จะทำให้ข้อเกิดการล็อดตัวและ เคลื่อนไหวไม่ได้ ชั่วคราว แต่ลองนึกดูนะครับว่า ถ้าอาการนี้เกิดขึ้น ระหว่างเดินข้ามถนนแล้วอยู่กลางถนนพอดี เกิดอาการก้าวขาไม่ออก อะไรจะเกิดขึ้น
การดูแลรักษา ในเรื่องของหมอนรองกระดูกบาดเจ็บนั้น จะขึ้นอยู่ที่ความรุนแรงในการบาดเจ็บ ถ้าเป็นน้อยอาจจะเพียงพักการใช้งานของหัวเข่า แต่ถ้าฉีกขาดมาก ก็จำเป็นต้องส่องกล้องเข้าไปซ่อมแซม โดยการเย็บ ยิงหมุด ซ่อม หรือตกแต่งขอบแผลของหมอนรองกระดูกให้เรียบร้อยขึ้น และคีบเอาชิ้นส่วนที่ไปขัดลำอยู่ที่ข้อออก ก็จะทำให้ข้อเข่ากลับมาเคลื่อนได้ดีเหมือนเดิม อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ข้อเข่า จึงไม่ใช่เรื่องของกระดูกหัก หรือ แตกแต่เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องระมัดระวังอวัยวะสามอย่างที่กล่าวมาด้วย แล้วเราก็จะสามารถใช้เข่าได้นานๆ ต่อไป

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง?
โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่มีการทำร้ายผิวกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อเกิดการสึกหรอ ยุบตัวลงมาของข้อเข่า มีกระดูกงอกที่เห็นได้ชัดจาก X-Ray มีคนหลายคนกระหยิ่มยิ้มย่อง คิดว่าถ้าอายุไม่ถึง 60 ปี ไม่มีทางที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ความคิดนี้อาจจะถูกในสมัยก่อน ที่เรามีการใช้ข้อเข่าทำงานน้อย สมัยก่อนที่เรามีการออกเเรง กล้ามเนื้อหัวเข่า อย่างสม่ำเสมอ เเต่ถ้าเป็น ในยุคปัจจุบัน อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด มีการพบคนเป็นข้อเข่าเสื่อมในอายุที่น้อยลงเรื่อยๆ เเน่นอนยิ่งอายุเยอะ ยิ่งมีอัตราการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น เเต่ถ้าเราไม่ใส่ใจดูเเลจริงจัง เราอาจจะเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว ครับ
อาการของข้อเข่าเสื่อมเเบ่งเป็น 6 ขั้น เรียงจากเป็นน้อยๆ ไปหามาก ดังนี้ ครับ
ระยะที่หนึ่ง ระยะนี้ความจริงยังไม่ถือว่าเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม เหตุเพราะผิวข้อเข่า ยังไม่สึกกร่อน ผิวกระดูกอ่อนเรียบดี ตามที่เราได้บอกนิยามการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ว่า ต้องมีการสึกกร่อนของผิวกระดูกอ่อนก่อน เเต่อาการระยะเเรกนี้ ถือว่า สำคัญที่สุด เพราะถ้าเราตรวจสอบได้ก่อน เเละรีบเเก้ไข เราก็จะสามารถหยุดขบวนการที่ทำให้เป็นโรคเข่าสื่อมได้ อาการที่ว่านี้คือ อาการเมื่อยล้าที่น่องเเละต้นขาครับ คนไข้จะเมื่อย เเต่ไม่ถึงกับปวด ยังสามารถเดินได้ตามปกติดี ตกกลางคืนจะมีอาการเมื่อยล้าเเบบน่ารำคาญ นอนไม่หลับ ใครที่เเต่งงานเเล้วก็อาจจะขอให้คู่ของตนช่วยนวดที่ขาให้หน่อย ถ้ามีลูกทีโตพอจะใช้งาน ก็จะถูกใช้ให้จับเส้น นวดเบาให้เกือบทุกคืน อาการที่เป็นจะไม่สัมพันธ์กับความหนักเบาของการทำงาน เช่น บางคนไม่ได้เดินมาก นั่งเฉยๆทั้งวันก็มีอาการเมื่อยล้าได้
อาการเเรกเริ่มนี้ ยังพบได้ในคนที่ไม่ได้ค่อยชอบออกกำลังกาย ไม่เล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งจะมีการออกกำลังกายตามเเฟชั่นบ้าง เป็นครั้งคราว เช่น การเต้นเเอโรบิค โยคะ เเต่เพราะไม่ได้บริหารกล้ามเนื้อเหนือหัวเข่าดีพอหรือสม่ำเสมอ พอความทนเเละความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อจะถดถอยเเละน้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งบวกกับการที่กล้ามเนื้อต้นขาเเละน่องต้องทำงานซ้ำซากจำเจในช่วงกลางวัน เช่น นั่งงอเข่านานๆ จะทำให้เกิดการอักเสบเล็กๆน้อยๆ สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ ตกตอนเย็นเมื่อการอักเสบกล้ามเนื้อมีมากพอ คนไข้จึงเริ่มเมื่อยล้า โดยเหตุนี้จึงมีอาการเฉพาะตอนกลางคืน ตื่นเช้าก็จะดีขึ้น เพราะกล้ามเนื้อได้พักผ่อนคลายมาทั้งคืน บางคนจึงมักติดนวด(เเผนโบราณนะครับ) ตลอดเวลา เดินเที่ยวห้างไกลมากหน่อย กลับมาก็จะเมื่อยล้ามาก
ข้อสังเกตอาการเมื่อยล้าที่เกิดจากภาวะ ความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อถดถอย ก็คือมักจะมีอาการ ทั้งสองข้างพร้อมๆกัน โดยเฉพาะจะเป็นตำเเหน่งใกล้เคียงกัน บางคนไปหาหมอกระดูก ได้ยาเเก้อักเสบมาทานก็จะดีขึ้น เเต่พอหมดฤทธิ์ยา 2-3สัปดาห์ อาการเมื่อยล้าก็จะกลับมาใหม่ไม่หายขาด ด้วยเหตุที่การทานยาไม่ได้ไปเเก้ ต้นเหตุของการอักเสบ เพราะสภาพความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อประคองเข่ายังไม่เเข็งเเรงเหมือนเดิม ต้องนั่งงอเข่านานๆเหมือนเดิม อาการเมื่อยล้าจึงยังคงอยู่เหมือนเดิม
เมื่อกล้ามเนื้อล้ามากขึ้น เวลาขึ้นบันลงบันได จะเริ่มมีเสียงเข่าลั่นเเละดังมาก จนคนอื่นได้ยิน เหตุเพราะกล้ามเนื้อส่วนขา ต้องออกเเรงมากขึ้นในการเคลื่อนไหว ความตึงของเอ็นที่ขึงจะตึงเพิ่มขึ้น ดังนั้นเวลาเคลื่อนไหวเอ็น เเละกล้ามเนื้อขาเหล่านี้จะเสียดสีกันจนเกิดเสียงดังมากขึ้น ถ้ามีการเคลื่อนไหวข้ออยู่บ่อย เช่น การปั่นจักรยาน การเดินนานๆ การเต้นเเอโรบิค ก็อาจจะเริ่มมีการเสียดสีผิวกระดูกอ่อนข้อทำให้ข้อสึกเพิ่มขึ้นเกิดการอักเสบ เเละก่อให้เกิดอาการในขั้นสองต่อไป จะเห็นว่า อาการระยะที่หนึ่งนั้น คนหนุ่มสาวก็มีสิทธิ์เป็นได้ เพราะฉะนั้นอย่าประมาทรีบหมั่นดูเเลกล้ามเนื้อประคองเข่าตั้งเเต่ตอนนี้ดีกว่า
สบายกาย คลายปวดเข่าครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 5
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วหรือยัง
2 ระยะที่สอง คือ อาการปวด บวม เเดง ร้อน ที่ข้อเข่า อาการปวดที่เกิดขึ้นจะปวดน้อย ๆก่อน ไม่รุนเเรง มักจะเกิดขึ้น เนื่องจาก คนไข้บังเอิญมีกิจกรรมที่ต้องใช้ เข่ามากกว่าปกติหน่อย เช่น เดินไกลมากขึ้น นั่งในรถนานๆ ไปต่างจังหวัด สะดุดเเต่ไม่ล้ม เดินในที่ที่ไม่เรียบ เช่น เดินในสวนที่บ้าน หรือ เดินเล่นกอล์ฟ พอวันรุ่งขึ้น จะมีอาการปวด บวม ตามเเนวของข้อเข่า เมื่อเอามือไปสัมผัสที่ผิวหนังบริเวณนี้ จะรู้สึกว่า อุ่นขึ้น ยืนในที่สว่างๆเปรียบเทียบสีผิวของเข่าทั้งสองข้าง ข้างที่ปวดจะเเดงกล่ำมากกว่าอย่างชัดเจน
คุณผู้หญิงที่มีอายุมากหน่อย เเต่ยังมีไฟอยู่ ชอบไปเดินเที่ยวห้าง ก็มักจะมีอาการปวดเป็นๆ หายๆเป็นครั้งคราวทำให้ น่ารำคาญใจ ไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยสะดวก คนสูงอายุที่ชอบไปเที่ยวตามเมืองนอกที่ต้องใช้เข่าเดินไปไกลๆ ในแต่ละสถานที่ ก็มักจะมีปัญหาที่ข้อเข่ากลับมาด้วยทุกครั้ง
ตัวอย่าง เช่น การไปเที่ยวเมืองจีน ดู กำเเพงเมืองจีน ก็เป็นตารางท่องเที่ยวที่ทุกคนที่ไปไม่อยากพลาด โดยเฉพาะคนสูงอายุ เวลาเห็นพวกเพื่อนๆเดินได้ ก็จะเดินตามถึงไหนถึงกัน กำเเพงเมืองจีนนั้น ถ้าใครเคยได้ไป จะเห็นว่า เเต่ละขั้นจะมีขนาดที่ใหญ่มาก ความชันในบางจุดก็สูงมากจนเเทบจะต้องไต่ขึ้นไป เวลาเดินไปที่แต่ละป้อมก็แสนไกล พอกลับมาถึงเมืองไทยวันรุ่งขึ้น เข่าก็อาจจะเริ่มบวม และปวดมากขึ้น เวลาลงน้ำหนักเดินก็จะไม่ถนัด ต้องนั่งรถเข็น เมือไปพบแพทย์กระดูก ก็อาจจะได้รับข่าวที่ไม่ชอบ ที่ว่าเราอาจเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
สิ่งที่ผู้ป่วยมักจะทำผิด เวลาเกิดการอักเสบที่หัวเข่า ปวดเข่า คือ การไปประคบร้อน หรืออุ่นมากๆที่ข้อเข่า ทำให้เข่ามีอาการอักเสบมากขึ้น ต้องเข้าใจว่าการอักเสบที่เกิดขึ้น นั้นจะทำให้เกิดการบวมเเดงร้อนมากขึ้นที่ผิวหนังรอบหัวเข่าอยู่เเล้วครับ การประคบร้อน หรือบางคนก็ไปนวดจะทำให้ เกิดอาการปวดเข่ามากขึ้นจนเดินไม่ไหว เราจึงควรประคบเย็นมากกว่า เพื่อคลายการอักเสบลงมา โดยเฉพาะความร้อนที่สะสมในข้อเข่าอยู่ ซึ่งจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในนักกีฬาที่วิ่งจนกล้ามเนื้อเกร็ง ตึง จนออกซิเจนในกล้ามเนื่อไม่ค่อยมี กลุ่มนั้นสามารถประคบร้อน หรืออุ่นได้
มีโรคปวดข้อเข่า อีกโรคหนึ่งที่ผู้ป่วยมักจะสับสน คิดว่า เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม เเต่ความจริงแล้วไม่ใช่ โรคนี้จะมีลักษณะที่คล้ายกันมากกับข้อเข่าเสื่อมแต่อาการเป็นหนักกว่า และเร็วกว่า เช่นปวดข้อเข่ามากกว่า บวมมากกว่าเเละข้อสำคัญ คือ ผิวหนังร้อนมากกว่า อาการปวดมากจนคนไข้บรรยายว่า ปวดจนนอนไม่หลับ เดินไม่ได้ โรคที่ว่าคือโรคเก๊าท์เข้าข้อเข่าครับ โรคนี้มีสาเหตุที่เกิดจากอาหารประเภทโปรตีนสูง (สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ถั่ว ทุกชนิด ยอดผัก อัลกอฮอล์) ที่เราทาน เข้าไปมากมาก แล้วร่างกายจะย่อยสลายเป็นกรดยูริค ในบางคน ร่างกายอาจจะมีภาวะในการย่อยสลายที่ผิดปกติ ทำให้สารยูริค เกิดการสะสมในข้อต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ข้อเข่า เมื่อมีการกระตุ้นเพียงเล็กๆน้อยๆ เช่น ใส่รองเท้าใหม่ไปเดินไม่ถนัด ก็อาจจะก่อให้เกิดอาการปวดที่ข้อเข่า อย่างเฉียบพลันได้
การรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมในขั้นนี้ คือ การลดอาการอักเสบเร็วๆ พักการใช้งาน หยุดการเดิน นานๆ ถ้าไปพบเเพทย์ในช่วงนี้ ผู้ป่วยก็อาจจะได้รับยาเเก้อักเสบมา รวมทั้งคำเเนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม
สบายกายคลายปวดเข่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 5
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วหรือยัง?
ในปลายระยะนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม จะสังเกตตัวเอง ว่า เวลานั่งยองๆ มักจะเริ่มนั่งไม่ค่อยได้ครับ จะมีอาการปวดมาก เมื่อเข่าเริ่มงอมากเกิน 90 องศา โดยเฉพาะในคนที่อยู่ชนบท ต้องนั่งทานข้าวกับพื้น ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง พับเพียบ หรือขัดสมาธิ จะเริ่มมีปัญหานั่งนานๆไม่ค่อยได้เหมือนเก่า
3.ระยะที่สาม คือ อาการงอเข่าไม่ค่อยสุด เเละอาจจะเหยียดเข่าไม่สุดด้วย ในปลายระยะนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม จะสังเกตตัวเองว่า เวลานั่งยองๆมักจะเริ่มนั่งไม่ค่อยได้ครับ จะมีอาการปวดมาก เมื่อเข่าเริ่มงอมากเกิน 90 องศา โดยเฉพาะในคนที่อยู่ชนบท ต้องนั่งทานข้าวกับพื้น ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง พับเพียบ หรือขัดสมาธิ จะเริ่มมีปัญหานั่งนานๆไม่ค่อยได้เหมือนเก่า บางครั้งทานข้าวยังไม่หมดจานดีก็ต้องรีบเหยียดขา เพื่อบรรเทาอาการปวดข้อเข่า เวลาไปวัด ทำบุญฟังเทศน์ก็จะพับเพียบนั่งไม่ได้นาน อาจจะเริ่มบ่นในใจว่า หลวงพ่อเทศน์นานจัง ส่วนคนชราในเมือง ไม่ค่อยรู้ตัวเร็วเท่ากับคนต่างจังหวัดครับ เพราะชีวิตประจำวันห่างการใช้งานเเบบที่กล่าวมานานเเล้ว บางคนกว่าจะรู้ตัว ก็เป็นเข่าเสื่อมในระยะที่4 ที่5 ไปเเล้ว
คนสูงอายุเวลาเดินทางไกลๆ ก็ต้องเตรียมหาห้องน้ำห้องท่าที่เป็นเเบบชักโครก จะนั่งยองๆเเบบเก่าไม่ได้เเล้ว เพราะเข่าไม่ยอมงอ เเละนี่ก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่เวลาลูกหลานชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดเเล้วคนเฒ่าคนชราไม่อยากจะไป ลูกหลานก็ต้องรู้ใจนะ อย่าไปเซ้าซี้เพราะท่านอาจจะอาย ไม่กล้าบอกความจริง วิธีเเก้ปัญหาง่ายนิดเดียว เพียงเเต่ไปหาซื้อที่นั่งถ่ายสามขาแบบที่พกพาได้ มีขายตามร้านอุปกรณ์ทางการเเพทย์ทั่วไป ที่นั่งถ่ายสามขานี้ สามารถไปวางคร่อมส้วนสาธารณะทั่วไปได้ ทำให้นั่งถ่ายได้สะดวกมากขึ้น เพียงเเต่ต้องระวังนิดนึง เรื่องความเปียกลื่นของสภาพห้องน้ำสาธารณะ เดี๋ยวจะฟกช้ำดำเขียวมากกว่าเดิม
เมื่อเรามีคนชราอยุ่ที่บ้าน เมื่อถึงเวลาคงต้องลงทุนทุบห้องน้ำทำให้ท่านใหม่ ห้องน้ำใครที่ยังเป็นเเบบนั่งยองๆอยู่ ต้องรื้อทิ้ง เเละทำเป็นเเบบชักโครกสมัยใหม่นั่งสบาย เเละถ้าจะทำเเล้วก็ทำให้ดีไปเลย คือบริเวณข้างที่นั่งชักโครก ควรทำราวจับ พยุงตัว เพราะเวลาคนสูงอายุนั่งนานขาจะชา เนื่องจากเลือดลงไปเลี้ยงขาไม่สะดวก เวลาลุกจะก้าวเดินขาจะยันไม่ค่อยได้ ไม่มีเเรงบางครั้งอาจจะเซ ล้ม ทำให้เกิดปัญหาลุกลามใหญ่โต ที่พบบ่อยๆ คือ มีกระดูกสะโพกหัก หรือกระดูกสันหลังหักเเบบยุบตัว ถ้ามีราวจับให้ยืนอยู่สักพักหนึ่งเมื่อมีเเรงมากขึ้นจะทำให้เพิ่มความปลอดภัยลดอัคราเสี่ยงในการรักษากระดูกหักได้ลงอย่างมาก
ตำเเหน่งที่จะวางราวจับ ก็ต้องดูว่าคนสูงอายุที่บ้านเราสูงเเค่ไหน จังหวะที่นั่งเเละยืน เอื้อมเเขนไปจับราวได้สะดวกหรือไม่ ทำเองได้ไม่ยาก หรือจะเเวะไปดูตามห้องน้ำโรงพยาบาลก็เห็นตัวอย่างทีทถูกต้อง เเต่มีคนสูงอายุท่านหนึ่งครับที่ผมคิดว่า ท่านไม่ได้เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมเเน่ๆ หลายคนอาจจะเคยเห็นภาพๆหนึ่งเเละจำได้ติดตา คือภาพที่หลวงพ่อคูณนั่งยองๆคีบบุหรี่ไว้ที่มือข้างหนึ่ง คงต้องยอมรับนะครับว่า ถึงเเม้ว่า หลวงพ่อจะมีความชราในด้านอายุ เเต่ข้อเข่านั้นคงจะเเข็งเเรงเเละสภาพดีอยู่ เพราะหลวงพ่อนั่งงอเข่าได้เต็มที่ โดยไม่มีอาการปวดเข่าเเสดงให้เห็นเลย
เพราะฉะนั้น อยากนั่งยองๆเต็มที่ได้นาน ต้องหมั่นดูเเลข้อเข่าตั้งเเต่วันนี้
สบายกายคลายปวดเข่าครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 5
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วหรือยัง? ตอนที่ 5
ตอนที่ผ่านมาได้พูดถึง อาการของคนที่จะเป็นเข่าเสื่อมว่าจะมีอาการอะไรบ้าง เรามาทบทวนกันหน่อย คือ
- เมื่อยล้าที่หัวเข่า และ อวัยวะรอบๆข้อเข่า
- ปวด บวม แดง ร้อน ที่ข้อเข่า
- งอ และ เหยียดเข่า ไม่สุด
- เดินตัวโยก เหมือนหุ่นยนตร์
ถ้าต้องการรู้รายละเอียดเพิ่มเติม คงต้องย้อนกลับไปดูทีละหน้าครับ แต่วันนี้เป็นอาการที่ 5 ที่สำคัญมากมากด้วย เพราะจะเป็นอาการที่จะทำให้ผู้ป่วย อาจจะต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสองวิธีนี้เท่านั้น ที่ได้ผลดีมาก คือ แบบที่หนึ่ง วิธีการผ่าตัดดัดกระดูกปลายขาให้ตรงขึ้น (High Tibial Osteotomy) และแบบที่สอง การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement)
มีคนบอกว่า เวลาไปต่างจังหวัด ถ้าอยากจะรู้ว่า คนในจังหวัดนั้นมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ต้องตื่นเเต่เช้ามืดครับ เเล้วไปสถานที่เเห่งหนึ่ง ท่านก็จะได้ทราบข้อมูลเกือบทั้งหมดของคนในสังคมย่านนั้น สถานที่เเห่งนั้นก็คือ ตลาดสดยามเช้าตรู่ครับ ที่นี่เราจะได้เห็นผู้คนหลายหลาก เห็นเด็กนักเรียนที่เริ่มออกจากบ้านมาเเวะข้าวเเกง เผื่อเป็นอาหารกลางวัน เห็นพระออกมาบิณฑบาทเป็นเเถวยาว เห็นคนผู้ป่วยจับกลุ่มพูดคุยกัน ที่ร้านกาแฟ ออกกำลังกายรำมวยจีน ซึ่งโดยรวมก็ดูเเข็งเเรง กระฉับกระเฉงกันทุกคน เเละที่ผมมักจะได้พบบ่อยๆ ก็คือ คนสูงอายุ ที่มีเข่าโก่งมากมาก เเต่สามารถเดินได้มาตลาดได้อย่างคล่องเเคล่ว จนน่าเเปลกใจ ไม่มีวี่เเววของอาการเจ็บปวดหัวเข่าเเสดงออกมาให้ผมเห็นทางภายนอกเลย
อาการข้อเข่าเสื่อม ระยะนี้ คือ ระยะที่ห้าครับ เป็นระยะที่ผู้ป่วยเริ่มจะเป็นมากขึ้น เกือบถึงขั้นสุดท้ายครับ เข่าที่เคยตรงสวย ก็จะเริ่มโก่งโค้งงอ เหมือนคันธนูครับ บางคนยืนตรงๆ เข่าที่โค้งออกมาสองข้างสามารถ ให้เด็กตัวเล็กๆเดินลอด ใต้หว่างขาได้อย่างสบาย
ทำไมข้อเข่าจึงโก่ง มีการอธิบายว่า เพราะน้ำหนักตัวของคนกดลงที่ด้านในของข้อเข่าอยู่ตลอดเวลาที่เรายืน เมื่อมีการสึกกร่อนที่ผิวกระดูกอ่อนมากขึ้น ข้อเข่าด้านในที่อยู่หว่างขาจะถูกทำลายลงก่อนด้านนอก เกิดการสึกเเละผิวข้อด้านในยุบลง ทำให้ข้อเข่าโก่งมากขึ้นเรื่อย ยิ่งเข่าโก่ง ความยาวของขาข้างที่โก่งจะสั้นลงเรื่อย ทำให้เดินกะเผลก มีความลำบากในการเดินมากขึ้นเรื่อยๆ
มีบางคนไปใช้ที่รัดเข่า เพื่อหวังว่า เข่าจะกลับมาตรงได้เหมือนเดิม หรือ จะป้องกันไม่ให้เข่าโก่งมากขึ้น ต้องขอบอกว่า ไม่มีทางครับ ยิ่งเราใช้ที่รัดเข่านานเท่าไหร่ กลับยิ่งไปเร่งให้เข่าโก่งเร็วขึ้นไปอีกครับ เพราะที่รัดเข่า หรือ knee support จะไปทำให้ ข้อเข่าถูกรัดเเน่น ข้อต่อเคลื่อนไหวน้อยลง กล้ามเนื้อรอบหัวเข่า จึงทำงานน้อยลง ใส่ใหม่ๆก็คิดว่าดี เพราะหายเจ็บ เดินได้นานขึ้น คิดว่า ข้อเข่าตัวเองกลับมาดีเหมือนเดิม ไม่ต้องทานยาเเก้ปวดเเล้ว เเต่พอจะถอด เเล้วเดินเข่าเปล่า กลับปวดมาขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า มองเห็นว่า เข่าข้างที่ใส่ ผ้ารัดเข่า กล้ามเนื้อรอบหัวเข่าลีบเล็กลงอย่างน่าใจหาย
กล้ามเนื้อรอบหัวเข่ามีความสำคัญมากในเรื่องข้อเข่าเสื่อมครับ เพราะจะเป็นเสมือนตัวผ่อนเเรงที่มีต่อกระดูกที่น้ำหนักตัวคนเรากดทับ เวลาที่เราใช้งานประจำวัน อีกทั้งกล้ามเนื้อมัดนี้จะคอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้เอ็นเส้นเล็กๆที่อยู่รอบหัวเข่าต้องทำงานหนักขึ้นจนเกิดการ อักเสบเเละฉีกขาด เมื่อเราใส่ที่รัดข้อเข่าทุกๆวัน จะเกิดความเคยชิน การออกกำลังของกล้ามเนื้อมัดนี้น้อยลง จนร่างกายลืมใช้ เพราะมัวเเต่ได้รับการผ่อนเเรงจากผ้ารัดเข่า จนบางคน เกิดอาการติดครับ วันไหนออกไปนอกบ้าน ลืมเอาที่รัดข้อเข่าไปด้วย จะไม่มีความมั่นใจ ไม่กล้าเดิน ต้องรีบกลับบ้าน
เข่าที่โก่งมากมาก เเต่ไม่มีอาการปวด บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องรักษาครับ นอกจากบางคนจะมองดูว่า ไม่สวย บางคนเข่าโก่งที่ก็ยังสามารถเดินได้ไกลๆ เพราะฉะนั้นการที่เข่าโก่งอย่างเดียวจึงไม่ใช่ข้อบ่งชี้ในการที่จะเลือกรักษาเเบบผ่าตัดครับ ก็ดูอย่างคนต่างจังหวัดที่ผมบอกในตอนเเรกไงครับ เขาก็อยู่ของเขาได้ แต่ถ้ามีอาการปวดร่วมด้วย อาการปวดจะรุนแรงกว่ากลุ่มอื่นครับ เพราะการเดินแต่ละครั้งจะต้องใช้กำลังมาก เพื่อที่ก้าวออกไปได้ในแต่ละครั้ง บวกกับการสึกหรอของกระดูกอ่อนที่ผิวข้อที่มากเกินไป ทำให้ไม่มีผิวเคลือบป้องกันการเสียดสี จะก่อให้เกิดการอักเสบทุกครั้ง ที่ก้าวเดิน เดิน นานไม่ได้ ทั้งที่ผ่านการรักษาแบบประคับประคองทุกวิธีแล้วก็ไม่ได้ผล ก็ต้องรีบแก้ไขด้วยวิธีการผ่าตัด สองวิธีข้างต้นที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น แบบใดแบบหนึ่ง (สามารถหาข้อมูลวิธีการผ่าตัด ดัดกระดูกปลายขาให้ตรงขึ้น(High Tibial Osteotomy) และแบบที่สอง การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6
สาเหตุที่เดินไม่ได้
6.อาการเข่าเสื่อม ทุกๆระยะ ที่ผมกล่าวถึง ในตอนที่ผ่านมานั้น(ตอนที่ 1-5 ) เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า ทำให้คุณภาพชีวิตของคนที่เป็นแย่ลงเรื่อยๆครับ จะเดินไปเที่ยวไกลๆก็ไม่มีความมั่นใจ ลูกหลานจะพาไปทานข้าวเย็นนอกบ้าน ก็อ้างว่า ไม่ชอบไป อาหารราคาแพง ไม่อร่อย คนพลุกพล่าน แต่ความจริงกลัวว่า เข่าจะปวด จะเป็นภาระให้ลูกหลานในการหาห้องน้ำห้องท่าให้ ยิ่งคนที่เป็น ข้อเข่าเสื่อมก่อนวัย อายุเพียงแค่ 50 ปีต้นๆ ยิ่งแล้วใหญ่ สุขภาพร่างกายทั่วไปยังแข็งแรงอยู่ ทุกอย่างใช้ได้หมด แต่เข่าทรุดโทรมไปมาก จนมีอาการถึงขั้นสุดท้าย ที่เราเรียกว่า เป็นอาการขั้นที่ 6 คือ ลงน้ำหนักเดินไม่ได้(unable on weight walking)
สาเหตุหลักๆที่ทำให้คนที่เป็นข้อเข่าเสื่อม
เดินไม่ได้ในระยะสุดท้ายนี้ มีสองสาเหตุครับสาเหตุแรกเป็นสิ่งที่คนทั่วไป และแพทย์ทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว คือ เรื่องของอาการอักเสบข้อเข่า ทำให้มีอาการปวดเข่ามากทุกครั้งที่ลงน้ำหนักเดิน จนพาลให้ไม่อยากเดินไปไหน ส่วนสาเหตุที่สองนั้น เป็นสาเหตุที่สำคัญมากกว่า ครับ เพราะถึงแม้ว่าจะมีการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดด้วยการ ปรับกระดูกเข่าให้ตรงขึ้น(High Tibial Osteotomy) หรือการเปลี่ยนข้อเข่าเทียม( Total Knee Replacement) ซึ่งจะแก้ไขอาการอักเสบ อาการปวดเข่าได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ถ้าไม่แก้สาเหตุที่สองด้วย ก็จะทำให้ได้ผลสำเร็จของผ่าตัดไม่เต็มที่ครับ สาเหตุที่สองนั่นก็คือ ภาวะกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าที่อ่อนแอลงไป โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว(Quadricep Muscle Atrophy)
เราลองสังเกตุเข่าที่เป็นข้อเข่าเสื่อมดูดีๆนะครับ เราจะเห็นว่า นอกจากอาการปวดเข่าเวลาขึ้นบันไดแล้ว เข่าข้างที่เป็นจะรู้สึกไม่มีแรง ยันตัวขึ้นบันไดไม่ค่อยได้ ความจริงแล้ว การที่กล้ามเนื้อเข่าอ่อนแอลงไปนั้น สามารถพบได้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมใหม่ๆครับ จนทางการแพทย์ได้ไปศึกษา และพบว่า กล้ามเนื้อข้อเข่าที่อ่อนแอนั้น อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเป็นข้อเข่าเสื่อม อีกทั้งยังพบว่า เราพบว่าคนที่มีอาการของข้อเข่าเสื่อมอยู่แล้วและมีกล้ามเนื้อข้อเข่าไม่แข็งแรงนั้น จะมีโอกาสเป็นข้อเข่าเสื่อมในระยะสุดท้ายเร็วกว่า หลายเท่าครับ
ผลเสียของการข้อเข่าเสื่อมในระยะนี้ที่ทำให้ ผู้ป่วยเดินไม่ได้ ไม่ยอมเดินนานๆ ทำให้ ถ้ามีแผลกดทับ(pressure wound)บริเวณสะโพก แผลจะไม่ยอมหาย มีโอกาสลุกลามใหญ่โต จนแผลกินลึกถึงกระดูก นอกจากนั้นแล้ว ยังก่อให้เกิดการมีโอกาสที่จะติดเชื้อทางเดินหายใจได้ง่าย เนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง ปอดจะขยายตัวน้อยลงตามไปด้วย การขับอากาศเสียจากปอดน้อยลง มีผลทำให้เชื้อโรคตกค้างในปอดได้ง่าย
ถ้าเป็นระยะนี้ ก็ต้องรีบรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement Surgery) และรีบกระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกายภาพ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรง ใช้งานประจำวันตามวัยได้เหมือนเก่าเร็วๆครับ
คุณเป็นข้อเข่าเสื่อมระยะนี้แล้วหรือยัง ถ้ายังต้องรีบรักษา ก่อนเป็นถึงระยะนี้
สบายกายคลายปวดเข่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 5

แก้ไขขาโก่ง เข่าชิด ด้วยวิธี MHTO technique by Dr.Somsak’s part 1
ข้อเสียของการมีเข่าโก่ง ขาโก่ง เข่าฉิ่ง ขากาง มีหลายอย่างโดยเฉพาะทำให้โครงสร้างร่างกายที่ไม่สมดุล, มีผลทำให้ข้อเข่า และหลังมีการกระเทือนมากกว่าปกติ มีผลทำให้เกิดอาการปวดเข่า และหลังตามมา เข่าที่มีอาการปวดแบบนี้ ถือว่าเป็นโรคที่ต้องรีบรักษาครับ ไม่ใช่โรคเรื้อรัง หรือมาจากกรรมพันธ์ เพราะ ส่วนใหญ่จะเริ่มเป็นในช่วงวัยทำงาน หรือกลางคนที่ดูแล รักษาเข่าไม่ดี หรือผ่านการใช้งานมากเกินไป
การผ่าตัดปรับรูปร่างเข่า และขาให้ตรงด้วยเทคนิค MHTO ของนพ.สมศักดิ์ เหล่าวัฒนามีจุดเด่นตรงที่ ขนาดแผลที่เล็กลง เสียเลือดน้อย ใช้ระยะเวลาฟื้นตัวที่สั้นลง และเครื่องมือผ่าตัดที่ถูกออกแบบใหม่โดยนพ.สมศักดิ์ เหล่าวัฒนา
การผ่าตัดปรับรูปร่างเข่า และขาให้ตรงด้วยเทคนิค MHTO ของนพ.สมศักดิ์ เหล่าวัฒนา มีจุดเด่นตรงที่
1.Minimal invasive แผลผ่าตัดมีขนาดที่เล็กลง ประมาณ1-1.5 ซม.
2.Minimal blood loss เสียเลือดน้อยมาก จึงไม่จำเป็นต้องใส่สายระบายเลือดหลังผ่าตัด
3. Minimal surgical & recovery time ใช้ระยะเวลาผ่าตัดสั้นลง ฟื้นตัวเร็วขึ้น
4.minimal new designed surgical tools by Dr.Somsak เครื่องมือช่วยผ่าตัดใหม่ออกแบบโดยนพ.สมศักดิ์

แก้ไข ขาโก่ง เข่าชิด ด้วยวิธี MHTO Technique by Dr.Somsak’s ตอนที่ 2
ข้อเสียของการมีเข่าโก่ง ขาโก่ง เข่าฉิ่ง ขากาง มีหลายอย่างโดยเฉพาะทำให้โครงสร้างร่างกายที่ไม่สมดุล มีผลทำให้ข้อเข่า และหลังมีการกระเทือนมากกว่าปกติ มีผลทำให้เกิดอาการปวดเข่า และหลังตามมา เข่าที่มีอาการปวดแบบนี้ ถือว่าเป็นโรคที่ต้องรีบรักษาครับ ไม่ใช่โรคเรื้อรัง หรือมาจากกรรมพันธ์ เพราะ ส่วนใหญ่จะเริ่มเป็นในช่วงวัยทำงาน หรือกลางคนที่ดูแล รักษาเข่าไม่ดี หรือผ่านการใช้งานมากเกินไป
การผ่าตัดปรับรูปร่างเข่า และขาให้ตรงด้วยเทคนิค MHTO ของนพ.สมศักดิ์ เหล่าวัฒนามีจุดเด่นตรงที่ ขนาดแผลที่เล็กลง เสียเลือดน้อย ใช้ระยะเวลาฟื้นตัวที่สั้นลง และเครื่องมือผ่าตัดที่ถูกออกแบบใหม่โดยนพ.สมศักดิ์ เหล่าวัฒนา
การผ่าตัดปรับรูปร่างเข่า และขาให้ตรงด้วยเทคนิค MHTO ของนพ.สมศักดิ์ เหล่าวัฒนา มีจุดเด่นตรงที่
1.Minimal invasive แผลผ่าตัดมีขนาดที่เล็กลง ประมาณ1-1.5 ซม.
2.Minimal blood loss เสียเลือดน้อยมาก จึงไม่จำเป็นต้องใส่สายระบายเลือดหลังผ่าตัด
3. Minimal surgical & recovery time ใช้ระยะเวลาผ่าตัดสั้นลง ฟื้นตัวเร็วขึ้น
4.minimal new designed surgical tools by Dr.Somsak เครื่องมือช่วยผ่าตัดใหม่ออกแบบโดยนพ.สมศักดิ์

การผ่าเข่าโก่งแบบ MHTO ดีอย่างไร? ตอนที่ 1
ดิฉันเจ็บเข่าอยู่นานจึงทำให้ดิฉันต้องหาข้อมูลมาหลายปี และหลายหมอ จากหลายประเทศ หมอหลายท่านลงความเห็นตรงกันว่าต้องผ่าตัดจัดแนวกระดูก โดยคุณหมอสมศักดิ์ เหล่าวัฒนา เป็นหมอคนที่ 9 ที่ดิฉันได้ปรึกษา หลังจากประมวลผลข้อมูลที่ได้มาทั้งหมด จึงเห็นว่าวิธี MHTO ของคุณหมอสมศักดิ์ แตกต่างจากหมอท่านอื่น สุดท้ายดิฉันตัดสินใจบินมาจากรัสเซียเพื่อมาคุยกับคุณหมอสมศักดิ์ คุณหมอให้ความมั่นใจ และตอบข้อสงสัยได้ชัดเจน
พบคุณหมอที่รัสเซียและหมอหลายท่านที่ดิฉันปรึกษา
1. ต้องผ่าตัดมีโลหะอยู่ข้างใน
2. มีแผลใหญ่ประมาณ 5 นิ้ว ซึ่งผู้หญิงไม่ชอบเลยค่ะ
3. มีเข่าเสื่อมพร้อมกัน 2 ข้าง แต่หมอที่รัสเซียและหมอที่เมืองไทยท่านอื่นให้ทำทีละข้าง เราก็ต้องมีชีวิตที่ไม่สบายไม่เป็นปกติ ประมาณ 1-2 ปีติดต่อกัน เพราะว่าทำข้างหนึ่งแล้วอีก 6 เดือนถึง 1 ปี ถึงจะมาทำอีกข้างหนึ่งได้ กรณีของดิฉันเสื่อม 2 ข้างพร้อมกัน ดิฉันเกรงว่าถ้าผ่าไปแล้ว 1 ข้าง อีกข้างหนึ่งจะเสื่อมมากขึ้น เพราะฉนั้นพอเจอคุณหมอสมศักดิ์สิ่งที่แตกต่างจากที่อื่น คือ
พบคุณหมอสมศักดิ์ เหล่าวัฒนา
1. ทำ 2 ข้างพร้อมกัน
2. ไม่มีโลหะฝังข้างใน
3. แผลเกิดนิดเดียว
4. คุณหมออธิบายได้ชัดเจนจริงๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาพบ และมั่นใจ
คุณรติรัตน์ ไพรัตน์ (อายุ 48 ปี)
จากรัสเซีย

การผ่าเข่าโก่งแบบ MHTO ดีอย่างไร? ตอนที่ 2
1 ปีผ่านไปหลังจากผ่าตัดด้วยวิธี MHTO เหมือนได้เข่าใหม่โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนเข่า สามารถพาตัวเองเดินไปไหนมาไหนได้ รู้สึกดีใจมากที่คุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากเลยค่ะ

เข่าโก่งทั้งสองข้าง ตัดสินใจรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดแบบ MHTO
ปวดเข่าตั้งแต่อายุ 25 พึ่งรู้ว่าเข่าโก่ง จึงเลือกการผ่าตัด MHTO นอกจากจะหายปวดเข่าแล้ว ผมดีใจที่ได้เข่าสวยเป็นของแถมครับ

การแก้ไขเข่าโก่ง ขาโก่ง เข่ากาง ขากาง ด้วยวิธีผ่าตัด MHTO by Dr.Somsak ชุดที่ 1
เคสการแก้ไข เข่าโก่ง ขาโก่ง เข่ากาง ขากาง ด้วยวิธีผ่าตัด MHTO BY DR.SOMSAK

การผ่าตัดปรับรูปร่างเข่าให้ตรงขึ้นด้วยวิธี MHTO by Dr.Somsak ชุดที่ 2
ผ่าตัดปรับรูปร่างเข่าให้ตรงขึ้นด้วยวิธี MHTO by Dr.Somsak

ขาโก่ง เข่าโก่ง ข้อดีของการรักษาข้อเข่าเสื่อมแบบ MHTO
ข้อดีของการรักษาเข่าเสื่อมแบบ MHTO ดิฉันอายุ 71 ปี ผ่าเข่ามาแล้ว 3 ครั้ง ข้างนึงผ่าเปลี่ยนข้อเข่าเทียม 2 ครั้งข้างขวา แต่เข่ายังปวดและโก่ง อีกข้าง ผ่าแบบ MHTO ผ่าแล้วยังเป็นเข่าตัวเองอยู่ แถมตรงกว่าไม่ปวด ทำไมผลลัพธ์มันถึงแตกต่างกันเยอะเช่นนี้!!!!

คุณเริ่มเป็น “ข้อเข่าเสื่อม” แล้วหรือยัง ?
โรค “ข้อเข่าเสื่อม” เป็นโรคที่มีการทำร้ายผิวกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อเกิดการสึกหรอ ยุบตัวลงมาของข้อเข่า มีกระดูกงอกที่เห็นได้ชัดจาก X-ray มีคนหลายคนกระหยิ่มยิ้มย่อง คิดว่าถ้าอายุไม่ถึง 60 ปี ไม่มีทางที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ความคิดนี้อาจจะถูกในสมัยก่อน ที่เรามีการใช้ข้อเข่าทำงานน้อย สมัยก่อนที่เรามีการออกเเรง กล้ามเนื้อหัวเข่าอย่างสม่ำเสมอ เเต่ถ้าเป็นในยุคปัจจุบัน อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมดครับ
มีการพบคนเป็นข้อเข่าเสื่อมในอายุที่น้อยลงเรื่อย ๆ ครับ เเน่นอนยิ่งอายุเยอะ ยิ่งมีอัตราการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น เเต่ถ้าเราไม่ใส่ใจดูเเลจริงจัง เราอาจจะเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัวครับ

การดูเเลรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเเนวใหม่ ตอนที่ 1
หนึ่งในโรคที่คนไทยเป็นกันมาก เรียกได้ว่า ในเกือบทุกครอบครัวจะต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 1 คนที่มีอาการจากโรคนี้ไม่มากก็น้อย คือ โรคข้อเข่าเสื่อม มาดูวิธีป้องกัน รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ว่ามีวิธีใดบ้าง
หลังผ่านช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ประชากรมีความสุขที่สงครามยุติเสียที เริ่มที่จะผลิตลูกหลานออกมามากขึ้น เราเรียกช่วงเวลานั้นว่า Baby Boom เเละเรียกประชากรที่เกิดในช่วงนี้ว่า Baby Boomer จนกระทั่งราว ปี พ.ศ. 2480-2500 คนทั่วโลกเริ่มตระหนักว่า จำเป็นต้องควบคุมการผลิต จึงมีการคิดค้นถุงยางอนามัย เเละวิธีคุมกำเนิดใหม่ ๆ ตามมา

เข่าโก่ง หรือ ขาโก่ง และ เข่ากาง หรือ ขากาง ในเด็ก ตอนที่ 1
การใส่รองเท้าที่ปรับโครงสร้างได้ เป็นการ รักษาเข่าโก่งในเด็ก วิธีใหม่ โดยการทำรองเท้า หรือพื้นรองเท้าปรับโครงสร้างทั้งระนาบ มุม และความยาวของขาเฉพาะกับเด็กคนนั้น สามารถทำตั้งแต่เด็กเริ่มหัดเดินเป็นต้นไป จนเข้าสู่วัยชรา

เข่าโก่ง หรือ ขาโก่ง และ เข่ากาง หรือ ขากาง ในเด็ก ตอนที่ 2
ปัญหาเด็กเข่าโก่งหรือขาโก่ง และ เข่ากางหรือขากางเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งมีทั้งที่โก่ง กางแบบธรรมชาติ สามารถหายโก่ง หายกางได้เอง โดยไม่ต้องรักษา รูปร่างเข่าจะกลับมาตรงเองเมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็มีที่เข่าโก่ง หรือกางมากและเป็นถาวรจนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น ก่อก็ให้เกิดความไม่สวยงาม
อย่างไรเรียก ขาโก่ง เข่าโก่ง ขากาง หรือ เข่ากาง
เข่าโก่ง หรือ ขาโก่ง หมายถึง เวลาเรายืนตรง รูปร่างของขาสองข้างจะมีลักษณะโก่งออกเป็นรูปตัวโอ (O) โดยช่องว่างของเข่าสองข้างจะมากกว่า ช่องว่างของข้อเท้า โดยลูกบอลลูกเล็ก ๆ สามารถวิ่งรอดระหว่างขาได้เลยครับ
เข่ากาง หรือ ขากาง หมายถึง เวลาเรายืนตรง รูปร่างของขาสองข้างจะมีลักษณะเข่าชนกัน โดยเมื่อพิจารณาดูรูปร่างทั้งขาจะเหมือนตัว เอ็กซ์ (X)
รูปร่างเข่าที่ผิดปกติของเด็กจะมีผลเสียไหม ?
ปัญหาเด็กเข่าโก่งหรือขาโก่ง และ เข่ากาง หรือ ขากางเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งมีทั้งที่โก่ง กางแบบธรรมชาติ สามารถหายโก่ง หายกางได้เอง โดยไม่ต้องรักษา รูปร่างเข่าจะกลับมาตรงเองเมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็มีที่เข่าโก่ง หรือกางมากและเป็นถาวรจนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น ก่อก็ให้เกิดความไม่สวยงาม ใส่กางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น หรือ กางเกงรัดรูปก็จะเห็นรูปร่างที่ผิดปกติได้ชัด ถ้ามีปัจจัยลบเสริมในด้านอื่น ๆ เช่น น้ำหนักเกิน กล้ามเนื้อหัวเข่าอ่อนแอ ก็จะทำให้ปวดเข่าง่าย อาจทำให้มีเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร และเร็วกว่าปกติ การดูแลและรักษาเข่าโก่งหรือ ขาโก่ง และ เข่ากาง หรือ ขากาง ตั้งแต่วัยเด็ก จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากต่อการเจริญเติบโตและรูปร่างของขาหรือเข่าครับ
การเปลี่ยนแปลงของรูปร่างของขา หรือเข่าสองข้างในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
รูปร่างของขา หรือเข่าของเด็กนั้นไม่คงที่ตั้งแต่เด็กเกิดมาครับ จากการศึกษา เราพบว่า เด็กแรกเกิดขาหรือเข่าจะมีรูปร่างที่โก่ง ไม่ตรงก่อนครับ โดยเด็กแรกคลอดจะมีเข่าโก่งมากที่สุด มีมุมระหว่างกระดูกต้นขา และหน้าแข้ง (Tibiofemoral Angle) ที่เราเรียกว่า มุมเข่าโก่งในบางคนมากถึง 15 องศา แต่ข่าวดีก็คือ มุมเข่าโก่งนี้จะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเด็กค่อย ๆ โตขึ้น
จนเมื่อเด็กอายุราว 2 ปี รูปร่างของขา หรือ เข่าก็จะดูตรงเป็นธรรมชาติ แต่เดี๋ยวก่อนครับ รูปร่างของขาเด็กยังไม่หยุดเปลี่ยนแปลงแค่นั้น เพราะหลังจาก 2 ขวบ ขาหรือเข่าของเด็กก็จะเริ่มกางขึ้น โดยจะค่อย ๆ กางออกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเต็มที่เมื่อเด็กมีอายุราว 3 ขวบ โดยบางคนอาจจะมีมุมเข่ากางมากเท่ากับมุมเข่าโก่งตอนแรกคลอดก็ได้ครับคือ ที่ประมาณ 12-13 องศา
สุดท้ายเมื่อเด็กโตขึ้นอีกหน่อย รูปร่างของขา หรือเข่าที่กางนี้จะค่อย ๆ ลดลง กางน้อยลงเหลือไม่กี่องศาในช่วง 6-7 ปี จนมองเห็นเหมือนขาเด็กหรือเข่าเด็กจะมีรูปร่างตรงอีกครั้งหนึ่ง และขาหรือเข่าจะมีรูปร่างกางเล็กน้อยคงที่แบบนั้นจนกระทั่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ก่อนจะเริ่มมีเข่าโก่งอีกที ก็อาจจะมีอายุมากถึง 70 ปีไปแล้วเนื่องจากเป็นข้อเข่าเสื่อมครับ
พ่อแม่เด็ก ตลอดจนญาติผู้ใหญ่ที่มาช่วยเลี้ยงเด็กแทนพ่อแม่ยุคใหม่บางคนที่ไม่มีเวลา เมื่อเห็นลูกเข่าโก่งหรือขาโก่ง และ ขากางหรือเข่ากาง โดยที่ไม่ทราบพัฒนาการจากที่อธิบายดังกล่าวก็อาจจะมีความกังวล ว่า บุตรหลานของตัวเองที่มีรูปร่างขาที่งอผิดปกตินี้ถาวร ไม่ยอมหาย และจะเป็นมากขึ้น
ผมขอแนะนำให้จับหลักง่าย ๆ ตรงนี้ครับ ดูที่อายุเด็กก่อนนะครับ ถ้าไม่ถึง 2 ปี รูปร่างเข่าที่โก่งนั้นอาจจะเป็นรูปร่างที่ปกติได้ แต่ถ้าเด็ก อายุเกิน 2 ปี หรือใกล้ 2 ปี ยังดูเข่าโก่งมากอยู่ ก็ต้องรีบไปพบแพทย์เป็นการด่วนครับ
ถ้าอายุเกิน 2-3 ปี เด็กมีรูปร่างขาหรือเข่าที่กางออกมาก ๆ ก็ยังไม่ต้องกังวล รออีกปี สองปี รูปร่างขาก็อาจจะกลับมาตรงขึ้น กางน้อยลงแล้วรูปร่างขาก็จะกลับมาปกติได้
ไม่แน่ใจว่าลูกตัวเองรูปร่างขาปกติหรือไม่?
แต่สำหรับคนที่ไม่แน่ใจก็มีวิธีง่ายกว่านั้นครับ คือ พาเด็กไปพบคุณหมอกระดูกด้านนี้ และก็ต้องขอร้องไว้อย่างหนึ่งครับ พยายามอย่าไปขู่เด็กเวลาที่เด็กดื้อนะครับ ว่าเดี๋ยวให้หมอฉีดยา เพราะเด็กจะกลัวหมอมาก จนหมอตรวจเด็กไม่ได้ แตะต้องตัวไม่ได้เลย ซึ่งจะทำให้ได้ข้อมูลจากการตรวจน้อยลง
ทำไม ? รูปร่างของเด็กถึงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
มีการอธิบายหลายทฤษฎีครับ เช่น ทฤษฎีของแรงกดที่ตัวสร้างความยาวกระดูกหน้าแข้ง ในเด็กแรกคลอดทุกคนจะมีเข่าโก่งก่อน พอเริ่มจะหัดเดินในช่วงแรกที่ลงน้ำหนักเดินนั้น รูปร่างของเข่าก็จะโค้งออกด้านนอก ยิ่งเวลาเดินก็จะเห็นชัดมากขึ้น เพราะเข่าข้างเดียวจะต้องรับน้ำหนักทั้งตัว ทำให้ฐานของฝ่าเท้าทั้งสองข้างจะแคบลงครับ การเดินของเด็กก็จะไม่มั่นคง ดังนั้นในเด็กที่เริ่มจะหัดเดินใหม่ จึงพยายามเดินกางขาให้ระยะห่างของฝ่าเท้ากว้าง ๆ นัยว่าจะทำให้ มั่นคงกว่า ไม่ล้มง่าย ส่งผลให้แรงกดที่จุดที่สร้างความยาวกระดูกของขาด้านข้างมากกว่าด้านใน ทำให้จุดที่การสร้างกระดูกเข่า และขาให้ยาวขึ้นด้านในที่ไม่ถูกกดมากมีความอิสระมากกว่าสามารถสร้างความยาวได้ดีกว่า แน่นอนครับ ย่อมส่งผลให้มีรูปร่างของเข่าและขากางออกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอายุ 2 ปี รูปร่างทั้งขาก็จะดูตรง และหลังจากอายุ 2 ปี การสร้างความยาวของจุดที่สร้างยังคงเป็นแบบนี้อยู่อีกสักระยะเวลาหนึ่ง จึงส่งผลให้เข่า และขาเด็กเริ่มเข่ากางมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 4 ปี
จนการสร้างความยาวของจุดที่สร้างของสองฝั่งของเข่าสมดุลกัน ตลอดจนกล้ามเนื้อของขาที่ใช้ในการเดินพัฒนามากขึ้น รูปร่างเข่าที่กางก็จะค่อยลดลง และ หลังอายุ 6-7 ปีมุมของหัวเข่าก็จะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แต่พออายุ 25 ปี ถ้าดูแลสุขภาพเข่าไม่ดีพอ มนุษย์ก็จะมีเข่าโก่งเพิ่มขึ้นvและถ้าไม่ดูแลรักษาจนอายุมากขึ้น ก็อาจจะส่งผลทำให้มีเข่าโก่งก่อนวัย และมีอาการปวดเข่าง่าย เข่าเสื่อมง่ายได้ครับ
อีกทฤษฎีหนึ่ง เป็นเรื่องของแรงดึงของกล้ามเนื้อขาทั้งด้านในและด้านนอก เป็นทฤษฎีจากหมอกระดูกเด็กที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอาจารย์ของผู้เขียนเอง โดยปัจจุบันท่านได้เกษียณตัวเองในการทำงานไปแล้ว (รองศาสตราจารย์ นพ.ไพรัช ประสงค์จีน) ท่านเชื่อในช่วงที่เด็กเริ่มหัดเดินใหม่ ๆ จะพยายามกางขาทั้งสองข้างให้ฐานของฝ่าเท้ากว้างขึ้นเพื่อความมั่นคง การทำแบบนั้นย่อมส่งผลทำให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการเดินด้านนอกออกแรงดึงกระดูกหัวเข่ามากกว่ากล้ามเนื้อขาและเข่าด้านใน ขณะที่เด็กกำลังยกขาออกก้าวเดิน และลงน้ำหนักเหยียบพื้นแต่ละข้าง จนทำให้เข่ากางออกมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ
พ่อแม่ของเด็ก ตลอดจนญาติผู้ใหญ่ที่มีความกังวล ว่า เด็กตัวน้อย ๆ จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข่าโก่งหรือไม่ก็อาจจะจำเป็นที่ต้องพาเด็กมาให้หมอตรวจครับ โดยคุณหมอก็ตรวจสอบอายุ มีการวัดมุมของหัวเข่า ดูการเดินของเด็ก และอาจตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติม บางคนก็จำเป็นต้อง X-Ray เพื่อดูรูปร่างของส่วนที่สร้างความยาวกระดูก ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ โดยเฉพาะในเด็กที่มีอายุเกิน 2 ปีไปแล้วที่เข่ายังโก่งอยู่ และอาจจะต้องมีการนัดตรวจทุก 6 เดือน จนกว่าเด็กจะมีรูปร่างของเข่าที่ปกติตามเกณฑ์ของอายุครับ
ในบางรายที่เป็นโรคเข่าโก่งตั้งแต่เล็ก ๆ ซึ่งมักจะเป็นในเด็กบางเชื้อชาติ และน้ำหนักตัวมาก ๆ ก็จำเป็นต้องแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ ครับ อย่าไปรอนานเกินไป เพราะจะไม่ทันการณ์
RELATED ARTICLES
เข่าโก่ง หรือ ขาโก่ง และ เข่ากาง หรือ ขากาง ในเด็ก ตอนที่ 1
เข่าโก่ง หรือ ขาโก่ง และ เข่ากาง หรือ ขากาง ในเด็ก ตอนที่ 2