
บาดเจ็บเข่า ไม่ใช่เรื่องกระดูกอย่างเดียว
เมื่อคนเรา เกิดอุบัติเหตุที่หัวเข่า จากการเล่นกีฬา หรือจากการขับขี่ยวดยานพาหนะโดยเฉพาะมอเตอร์ไซด์ ทั้งหมอฉุกเฉิน และผู้ป่วยก็จะ มุ่งเน้นไปที่กระดูก กลัวว่าจะมีกระดูกหักหรือเปล่า เพราะกลัวว่า ถ้าหักแล้วจะเดินไม่ได้หลายเดือน แต่ เรากลับลืมนึกถึง อวัยวะ อยู่สามอย่างที่อยู่ภายในข้อเข่าและมีความสำคัญมากไม่น้อยไปกว่ากระดูกเลยครับ นั่นก็คือ หมอนรองกระดูก กระดูกอ่อน และ เอ็นไขว้หน้า หลัง
กระดูกอ่อน (Cartilage) เป็นอวัยวะ ซึ่งอยู่บริเวณหน้าสัมผัสของผิวข้อครับ มีหน้าที่ผลิตน้ำในข้อ เพื่อทำให้เกิดความหล่อลื่นระหว่างผิวสัมผัสภายในข้อ ในช่วงที่มีเคลื่อนไหว ของหัวเข่า อีกทั้งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญที่จะทำให้ คนเราเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมช้าลง เพราะกระดูกอ่อนทึ่เริ่มสึกหรอเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนึ้ครับ
เวลามีการบาดเจ็บเกิดขึ้นที่กระดูกอ่อนนั้น มีวิธีสังเกตุอาการดังนี้ คือ มีอาการเจ็บลึกๆ อยู่ภายในข้อเข่า ไม่สามารถกดกระตุ้นให้เจ็บมากขึ้นได้ เพราะว่ากระดูกอ่อนที่บาดเจ็บ ส่วนใหญ่จะอยู่ลึกครับ อาจจะมีอาการเข่าบวม เป็นๆ หายๆ อยู่หลายสัปดาห์หลังจากการเกิดอุบัติเหตุ งอเข่าอาจจะไม่สุดเหมือนเดิม เวลาลงน้ำหนักเดินจะเจ็บที่ข้อเข่า ในจุดเดิมซ้ำๆทุกครั้ง และจะเดินไม่ค่อยถนัด เมื่อไป x ray ก็จะไม่พบห็นสิ่งผิดปกติ เพราะกระดูกอ่อนที่แตกนั้น ไม่สามารถเห็นได้จากการ x ray ธรรมดาครับ เพราะฉะนั้น คนไข้ในกลุ่มนี้ จึงจำเป็น ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยที่ละเอียดมากขึ้นกว่าเดิมครับ คือ การทำ MRI (Magnatic Resonance Imaging) หรือการสแกนเข่าด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสามารถบอกความรุนแรงของการบาดเจ็บ คือ ความลึกและความกว้างของการสึกหรอของกระดูกอ่อน และยังบอกตำแหน่งที่บาดเจ็บได้อย่างแม่นยำ ทำให้เราสามารถเลือกวิธีการรักษาที่ถูกวิธีให้กับผู้ป่วยได้ถูกต้อง และฟื้นตัวเร็วขึ้น
สำหรับในเรื่องของเอ็นข้อเข่า (Ligaments) ที่บาดเจ็บนั้น เราก็ต้องทราบก่อนนะครับ ว่า บริเวณข้อเข่าของมนุษย์นั้น มืเอ็นที่สำคัญอยู่ถึง สี่เส้น คือ เอ็นประคองเข่าด้านใน (Medial Collateral Ligament) และด้านนอก (Lateral Collateral Ligament) และ เอ็นไขว้หน้า และหลัง (Anterior and Posterior Cruciate Ligaments) เอ็นเหล่านี้มีหน้าที่ช่วยทำให้ข้อเข่าแข็งแรงขึ้น กระชับมากขึ้น และมีกำลังมากขึ้น ตัวอย่งเช่น ถ้าเอ็นประคองเข่าด้านในฉีกขาด เวลาเรายืน เข่าของเราก็จะอ้าออก ทำให้ยืนได้ไม่นานและเดินนานไม่ได้ จะมีอาการปวดตรงข้อพับเข่าด้านใน ซึ่งถ้าฉีกจนหมด เราก็จะไม่สามารถยืนยันพื้นได้ และถ้าไม่ได้รักษาอย่างไม่ทันท่วงที โดย การใส่เฝือกที่หัวเข่านานถึง สองสัปดาห์ เอ็นส่วนนี้ก็อาจจะไม่ติด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเดินลำบากเรื้อรังได้ จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัด โดยเปิดหัวเข่าเข้าไปซ่อมแซมเอ็นเท่านั้นครับ
ส่วนเอ็นไขว้หน้าและหลังนั้น ซึ่งมักจะเกิดขึ้นได้บ่อยใน นักกีฬา ถ้ามีการฉีกขาด เราก็จะมีความรู้สึกไม่มั่นคงของเข่า เวลาเดินอาจจะมีอาการเหมือนคนที่เข่าจะหลุด เข่าโย้ และ อาจมีการทรุดตัวลงไป คนที่ต้องต้องการความคล่องตัวของหัวเข่า เช่น นักกีฬา หรือคนทำงานในวัยหนุ่มก็จะมีปัญหาได้
เอ็นสองเส้นนี้ ถ้ามีการฉีกขาดหมด จะไม่สามารถซ่อมแซมได้ เรียกได้ว่า ขาดแล้วขาดเลย จะไม่สามารถผ่าตัดเอามาต่อกันได้ จำเป็นต้องใช้เอ็นส่วนอื่นมาแทน แต่ก็โชคดีครับ ที่เทคโนโลยี่การผ่าตัดในส่วนนี้ พัฒนาไปถึงขั้นที่ว่า สามารถใช้กล้องส่องเข้าไป ผ่าตัดสร้างเสริมเอ็นตัวใหม่ได้ โดยมีบาดแผลเป็นรูเล็กๆเท่านั้น
อวัยวะสุดท้ายที่อยู่ในข้อ และมีโอกาสบาดเจ็บ คือ หมอนรองกระดูก (Meniscus) ซึ่งจะมีรูปร่างเป็นเหมือนครึ่งวงกลม รองรับแรงกระแทกอยู่ระหว่างข้อต่อ เราอาจจะมีอาการปวดอยู่ที่หน้าข้อเข่า มีรอยบวม กดเจ็บจากผิวหนังเข้าไป ในระยะแรกๆ แต่ถ้าปล่อยเรื้อรังก็จะเกิดปัญหา ปวดเข่าเรื้อรังได้ หรือมีอาการเข่าบวม เป็นๆ หายๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ในกรณีที่เกิดการฉีกขาดรุนแรง และชิ้นส่วนของหมอนรองกระดูกหลุดออกไปขัดขวาง การเคลื่อนไหวของข้อ จะทำให้ข้อเกิดการล็อดตัวและ เคลื่อนไหวไม่ได้ ชั่วคราว แต่ลองนึกดูนะครับว่า ถ้าอาการนี้เกิดขึ้น ระหว่างเดินข้ามถนนแล้วอยู่กลางถนนพอดี เกิดอาการก้าวขาไม่ออก อะไรจะเกิดขึ้น
การดูแลรักษา ในเรื่องของหมอนรองกระดูกบาดเจ็บนั้น จะขึ้นอยู่ที่ความรุนแรงในการบาดเจ็บ ถ้าเป็นน้อยอาจจะเพียงพักการใช้งานของหัวเข่า แต่ถ้าฉีกขาดมาก ก็จำเป็นต้องส่องกล้องเข้าไปซ่อมแซม โดยการเย็บ ยิงหมุด ซ่อม หรือตกแต่งขอบแผลของหมอนรองกระดูกให้เรียบร้อยขึ้น และคีบเอาชิ้นส่วนที่ไปขัดลำอยู่ที่ข้อออก ก็จะทำให้ข้อเข่ากลับมาเคลื่อนได้ดีเหมือนเดิม อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ข้อเข่า จึงไม่ใช่เรื่องของกระดูกหัก หรือ แตกแต่เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องระมัดระวังอวัยวะสามอย่างที่กล่าวมาด้วย แล้วเราก็จะสามารถใช้เข่าได้นานๆ ต่อไป

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง?
โรคข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่มีการทำร้ายผิวกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อเกิดการสึกหรอ ยุบตัวลงมาของข้อเข่า มีกระดูกงอกที่เห็นได้ชัดจาก X-Ray มีคนหลายคนกระหยิ่มยิ้มย่อง คิดว่าถ้าอายุไม่ถึง 60 ปี ไม่มีทางที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ความคิดนี้อาจจะถูกในสมัยก่อน ที่เรามีการใช้ข้อเข่าทำงานน้อย สมัยก่อนที่เรามีการออกเเรง กล้ามเนื้อหัวเข่า อย่างสม่ำเสมอ เเต่ถ้าเป็น ในยุคปัจจุบัน อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด มีการพบคนเป็นข้อเข่าเสื่อมในอายุที่น้อยลงเรื่อยๆ เเน่นอนยิ่งอายุเยอะ ยิ่งมีอัตราการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น เเต่ถ้าเราไม่ใส่ใจดูเเลจริงจัง เราอาจจะเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว ครับ
อาการของข้อเข่าเสื่อมเเบ่งเป็น 6 ขั้น เรียงจากเป็นน้อยๆ ไปหามาก ดังนี้ ครับ
ระยะที่หนึ่ง ระยะนี้ความจริงยังไม่ถือว่าเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม เหตุเพราะผิวข้อเข่า ยังไม่สึกกร่อน ผิวกระดูกอ่อนเรียบดี ตามที่เราได้บอกนิยามการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ว่า ต้องมีการสึกกร่อนของผิวกระดูกอ่อนก่อน เเต่อาการระยะเเรกนี้ ถือว่า สำคัญที่สุด เพราะถ้าเราตรวจสอบได้ก่อน เเละรีบเเก้ไข เราก็จะสามารถหยุดขบวนการที่ทำให้เป็นโรคเข่าสื่อมได้ อาการที่ว่านี้คือ อาการเมื่อยล้าที่น่องเเละต้นขาครับ คนไข้จะเมื่อย เเต่ไม่ถึงกับปวด ยังสามารถเดินได้ตามปกติดี ตกกลางคืนจะมีอาการเมื่อยล้าเเบบน่ารำคาญ นอนไม่หลับ ใครที่เเต่งงานเเล้วก็อาจจะขอให้คู่ของตนช่วยนวดที่ขาให้หน่อย ถ้ามีลูกทีโตพอจะใช้งาน ก็จะถูกใช้ให้จับเส้น นวดเบาให้เกือบทุกคืน อาการที่เป็นจะไม่สัมพันธ์กับความหนักเบาของการทำงาน เช่น บางคนไม่ได้เดินมาก นั่งเฉยๆทั้งวันก็มีอาการเมื่อยล้าได้
อาการเเรกเริ่มนี้ ยังพบได้ในคนที่ไม่ได้ค่อยชอบออกกำลังกาย ไม่เล่นกีฬาอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งจะมีการออกกำลังกายตามเเฟชั่นบ้าง เป็นครั้งคราว เช่น การเต้นเเอโรบิค โยคะ เเต่เพราะไม่ได้บริหารกล้ามเนื้อเหนือหัวเข่าดีพอหรือสม่ำเสมอ พอความทนเเละความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อจะถดถอยเเละน้อยลงเรื่อยๆ ยิ่งบวกกับการที่กล้ามเนื้อต้นขาเเละน่องต้องทำงานซ้ำซากจำเจในช่วงกลางวัน เช่น นั่งงอเข่านานๆ จะทำให้เกิดการอักเสบเล็กๆน้อยๆ สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อ ตกตอนเย็นเมื่อการอักเสบกล้ามเนื้อมีมากพอ คนไข้จึงเริ่มเมื่อยล้า โดยเหตุนี้จึงมีอาการเฉพาะตอนกลางคืน ตื่นเช้าก็จะดีขึ้น เพราะกล้ามเนื้อได้พักผ่อนคลายมาทั้งคืน บางคนจึงมักติดนวด(เเผนโบราณนะครับ) ตลอดเวลา เดินเที่ยวห้างไกลมากหน่อย กลับมาก็จะเมื่อยล้ามาก
ข้อสังเกตอาการเมื่อยล้าที่เกิดจากภาวะ ความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อถดถอย ก็คือมักจะมีอาการ ทั้งสองข้างพร้อมๆกัน โดยเฉพาะจะเป็นตำเเหน่งใกล้เคียงกัน บางคนไปหาหมอกระดูก ได้ยาเเก้อักเสบมาทานก็จะดีขึ้น เเต่พอหมดฤทธิ์ยา 2-3สัปดาห์ อาการเมื่อยล้าก็จะกลับมาใหม่ไม่หายขาด ด้วยเหตุที่การทานยาไม่ได้ไปเเก้ ต้นเหตุของการอักเสบ เพราะสภาพความเเข็งเเรงของกล้ามเนื้อประคองเข่ายังไม่เเข็งเเรงเหมือนเดิม ต้องนั่งงอเข่านานๆเหมือนเดิม อาการเมื่อยล้าจึงยังคงอยู่เหมือนเดิม
เมื่อกล้ามเนื้อล้ามากขึ้น เวลาขึ้นบันลงบันได จะเริ่มมีเสียงเข่าลั่นเเละดังมาก จนคนอื่นได้ยิน เหตุเพราะกล้ามเนื้อส่วนขา ต้องออกเเรงมากขึ้นในการเคลื่อนไหว ความตึงของเอ็นที่ขึงจะตึงเพิ่มขึ้น ดังนั้นเวลาเคลื่อนไหวเอ็น เเละกล้ามเนื้อขาเหล่านี้จะเสียดสีกันจนเกิดเสียงดังมากขึ้น ถ้ามีการเคลื่อนไหวข้ออยู่บ่อย เช่น การปั่นจักรยาน การเดินนานๆ การเต้นเเอโรบิค ก็อาจจะเริ่มมีการเสียดสีผิวกระดูกอ่อนข้อทำให้ข้อสึกเพิ่มขึ้นเกิดการอักเสบ เเละก่อให้เกิดอาการในขั้นสองต่อไป จะเห็นว่า อาการระยะที่หนึ่งนั้น คนหนุ่มสาวก็มีสิทธิ์เป็นได้ เพราะฉะนั้นอย่าประมาทรีบหมั่นดูเเลกล้ามเนื้อประคองเข่าตั้งเเต่ตอนนี้ดีกว่า
สบายกาย คลายปวดเข่าครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 5
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมแล้วหรือยัง
2 ระยะที่สอง คือ อาการปวด บวม เเดง ร้อน ที่ข้อเข่า อาการปวดที่เกิดขึ้นจะปวดน้อย ๆก่อน ไม่รุนเเรง มักจะเกิดขึ้น เนื่องจาก คนไข้บังเอิญมีกิจกรรมที่ต้องใช้ เข่ามากกว่าปกติหน่อย เช่น เดินไกลมากขึ้น นั่งในรถนานๆ ไปต่างจังหวัด สะดุดเเต่ไม่ล้ม เดินในที่ที่ไม่เรียบ เช่น เดินในสวนที่บ้าน หรือ เดินเล่นกอล์ฟ พอวันรุ่งขึ้น จะมีอาการปวด บวม ตามเเนวของข้อเข่า เมื่อเอามือไปสัมผัสที่ผิวหนังบริเวณนี้ จะรู้สึกว่า อุ่นขึ้น ยืนในที่สว่างๆเปรียบเทียบสีผิวของเข่าทั้งสองข้าง ข้างที่ปวดจะเเดงกล่ำมากกว่าอย่างชัดเจน
คุณผู้หญิงที่มีอายุมากหน่อย เเต่ยังมีไฟอยู่ ชอบไปเดินเที่ยวห้าง ก็มักจะมีอาการปวดเป็นๆ หายๆเป็นครั้งคราวทำให้ น่ารำคาญใจ ไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยสะดวก คนสูงอายุที่ชอบไปเที่ยวตามเมืองนอกที่ต้องใช้เข่าเดินไปไกลๆ ในแต่ละสถานที่ ก็มักจะมีปัญหาที่ข้อเข่ากลับมาด้วยทุกครั้ง
ตัวอย่าง เช่น การไปเที่ยวเมืองจีน ดู กำเเพงเมืองจีน ก็เป็นตารางท่องเที่ยวที่ทุกคนที่ไปไม่อยากพลาด โดยเฉพาะคนสูงอายุ เวลาเห็นพวกเพื่อนๆเดินได้ ก็จะเดินตามถึงไหนถึงกัน กำเเพงเมืองจีนนั้น ถ้าใครเคยได้ไป จะเห็นว่า เเต่ละขั้นจะมีขนาดที่ใหญ่มาก ความชันในบางจุดก็สูงมากจนเเทบจะต้องไต่ขึ้นไป เวลาเดินไปที่แต่ละป้อมก็แสนไกล พอกลับมาถึงเมืองไทยวันรุ่งขึ้น เข่าก็อาจจะเริ่มบวม และปวดมากขึ้น เวลาลงน้ำหนักเดินก็จะไม่ถนัด ต้องนั่งรถเข็น เมือไปพบแพทย์กระดูก ก็อาจจะได้รับข่าวที่ไม่ชอบ ที่ว่าเราอาจเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
สิ่งที่ผู้ป่วยมักจะทำผิด เวลาเกิดการอักเสบที่หัวเข่า ปวดเข่า คือ การไปประคบร้อน หรืออุ่นมากๆที่ข้อเข่า ทำให้เข่ามีอาการอักเสบมากขึ้น ต้องเข้าใจว่าการอักเสบที่เกิดขึ้น นั้นจะทำให้เกิดการบวมเเดงร้อนมากขึ้นที่ผิวหนังรอบหัวเข่าอยู่เเล้วครับ การประคบร้อน หรือบางคนก็ไปนวดจะทำให้ เกิดอาการปวดเข่ามากขึ้นจนเดินไม่ไหว เราจึงควรประคบเย็นมากกว่า เพื่อคลายการอักเสบลงมา โดยเฉพาะความร้อนที่สะสมในข้อเข่าอยู่ ซึ่งจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ในนักกีฬาที่วิ่งจนกล้ามเนื้อเกร็ง ตึง จนออกซิเจนในกล้ามเนื่อไม่ค่อยมี กลุ่มนั้นสามารถประคบร้อน หรืออุ่นได้
มีโรคปวดข้อเข่า อีกโรคหนึ่งที่ผู้ป่วยมักจะสับสน คิดว่า เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม เเต่ความจริงแล้วไม่ใช่ โรคนี้จะมีลักษณะที่คล้ายกันมากกับข้อเข่าเสื่อมแต่อาการเป็นหนักกว่า และเร็วกว่า เช่นปวดข้อเข่ามากกว่า บวมมากกว่าเเละข้อสำคัญ คือ ผิวหนังร้อนมากกว่า อาการปวดมากจนคนไข้บรรยายว่า ปวดจนนอนไม่หลับ เดินไม่ได้ โรคที่ว่าคือโรคเก๊าท์เข้าข้อเข่าครับ โรคนี้มีสาเหตุที่เกิดจากอาหารประเภทโปรตีนสูง (สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ถั่ว ทุกชนิด ยอดผัก อัลกอฮอล์) ที่เราทาน เข้าไปมากมาก แล้วร่างกายจะย่อยสลายเป็นกรดยูริค ในบางคน ร่างกายอาจจะมีภาวะในการย่อยสลายที่ผิดปกติ ทำให้สารยูริค เกิดการสะสมในข้อต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ข้อเข่า เมื่อมีการกระตุ้นเพียงเล็กๆน้อยๆ เช่น ใส่รองเท้าใหม่ไปเดินไม่ถนัด ก็อาจจะก่อให้เกิดอาการปวดที่ข้อเข่า อย่างเฉียบพลันได้
การรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมในขั้นนี้ คือ การลดอาการอักเสบเร็วๆ พักการใช้งาน หยุดการเดิน นานๆ ถ้าไปพบเเพทย์ในช่วงนี้ ผู้ป่วยก็อาจจะได้รับยาเเก้อักเสบมา รวมทั้งคำเเนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม
สบายกายคลายปวดเข่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 5
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6

คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 6
สาเหตุที่เดินไม่ได้
6.อาการเข่าเสื่อม ทุกๆระยะ ที่ผมกล่าวถึง ในตอนที่ผ่านมานั้น(ตอนที่ 1-5 ) เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่า ทำให้คุณภาพชีวิตของคนที่เป็นแย่ลงเรื่อยๆครับ จะเดินไปเที่ยวไกลๆก็ไม่มีความมั่นใจ ลูกหลานจะพาไปทานข้าวเย็นนอกบ้าน ก็อ้างว่า ไม่ชอบไป อาหารราคาแพง ไม่อร่อย คนพลุกพล่าน แต่ความจริงกลัวว่า เข่าจะปวด จะเป็นภาระให้ลูกหลานในการหาห้องน้ำห้องท่าให้ ยิ่งคนที่เป็น ข้อเข่าเสื่อมก่อนวัย อายุเพียงแค่ 50 ปีต้นๆ ยิ่งแล้วใหญ่ สุขภาพร่างกายทั่วไปยังแข็งแรงอยู่ ทุกอย่างใช้ได้หมด แต่เข่าทรุดโทรมไปมาก จนมีอาการถึงขั้นสุดท้าย ที่เราเรียกว่า เป็นอาการขั้นที่ 6 คือ ลงน้ำหนักเดินไม่ได้(unable on weight walking)
สาเหตุหลักๆที่ทำให้คนที่เป็นข้อเข่าเสื่อม
เดินไม่ได้ในระยะสุดท้ายนี้ มีสองสาเหตุครับสาเหตุแรกเป็นสิ่งที่คนทั่วไป และแพทย์ทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว คือ เรื่องของอาการอักเสบข้อเข่า ทำให้มีอาการปวดเข่ามากทุกครั้งที่ลงน้ำหนักเดิน จนพาลให้ไม่อยากเดินไปไหน ส่วนสาเหตุที่สองนั้น เป็นสาเหตุที่สำคัญมากกว่า ครับ เพราะถึงแม้ว่าจะมีการรักษาโดยวิธีการผ่าตัดด้วยการ ปรับกระดูกเข่าให้ตรงขึ้น(High Tibial Osteotomy) หรือการเปลี่ยนข้อเข่าเทียม( Total Knee Replacement) ซึ่งจะแก้ไขอาการอักเสบ อาการปวดเข่าได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ถ้าไม่แก้สาเหตุที่สองด้วย ก็จะทำให้ได้ผลสำเร็จของผ่าตัดไม่เต็มที่ครับ สาเหตุที่สองนั่นก็คือ ภาวะกล้ามเนื้อรอบข้อเข่าที่อ่อนแอลงไป โดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว(Quadricep Muscle Atrophy)
เราลองสังเกตุเข่าที่เป็นข้อเข่าเสื่อมดูดีๆนะครับ เราจะเห็นว่า นอกจากอาการปวดเข่าเวลาขึ้นบันไดแล้ว เข่าข้างที่เป็นจะรู้สึกไม่มีแรง ยันตัวขึ้นบันไดไม่ค่อยได้ ความจริงแล้ว การที่กล้ามเนื้อเข่าอ่อนแอลงไปนั้น สามารถพบได้ตั้งแต่ตอนที่เริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมใหม่ๆครับ จนทางการแพทย์ได้ไปศึกษา และพบว่า กล้ามเนื้อข้อเข่าที่อ่อนแอนั้น อาจจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนเป็นข้อเข่าเสื่อม อีกทั้งยังพบว่า เราพบว่าคนที่มีอาการของข้อเข่าเสื่อมอยู่แล้วและมีกล้ามเนื้อข้อเข่าไม่แข็งแรงนั้น จะมีโอกาสเป็นข้อเข่าเสื่อมในระยะสุดท้ายเร็วกว่า หลายเท่าครับ
ผลเสียของการข้อเข่าเสื่อมในระยะนี้ที่ทำให้ ผู้ป่วยเดินไม่ได้ ไม่ยอมเดินนานๆ ทำให้ ถ้ามีแผลกดทับ(pressure wound)บริเวณสะโพก แผลจะไม่ยอมหาย มีโอกาสลุกลามใหญ่โต จนแผลกินลึกถึงกระดูก นอกจากนั้นแล้ว ยังก่อให้เกิดการมีโอกาสที่จะติดเชื้อทางเดินหายใจได้ง่าย เนื่องจากการเคลื่อนไหวร่างกายน้อยลง ปอดจะขยายตัวน้อยลงตามไปด้วย การขับอากาศเสียจากปอดน้อยลง มีผลทำให้เชื้อโรคตกค้างในปอดได้ง่าย
ถ้าเป็นระยะนี้ ก็ต้องรีบรักษาโดยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (Total Knee Replacement Surgery) และรีบกระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกายภาพ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรง ใช้งานประจำวันตามวัยได้เหมือนเก่าเร็วๆครับ
คุณเป็นข้อเข่าเสื่อมระยะนี้แล้วหรือยัง ถ้ายังต้องรีบรักษา ก่อนเป็นถึงระยะนี้
สบายกายคลายปวดเข่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 1
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 2
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 3
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 4
บทความที่เกี่ยวข้อง : คุณเริ่มเป็นข้อเข่าเสื่อมเเล้วหรือยัง? ตอนที่ 5

คุณเริ่มเป็น “ข้อเข่าเสื่อม” แล้วหรือยัง ?
โรค “ข้อเข่าเสื่อม” เป็นโรคที่มีการทำร้ายผิวกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อเกิดการสึกหรอ ยุบตัวลงมาของข้อเข่า มีกระดูกงอกที่เห็นได้ชัดจาก X-ray มีคนหลายคนกระหยิ่มยิ้มย่อง คิดว่าถ้าอายุไม่ถึง 60 ปี ไม่มีทางที่จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ความคิดนี้อาจจะถูกในสมัยก่อน ที่เรามีการใช้ข้อเข่าทำงานน้อย สมัยก่อนที่เรามีการออกเเรง กล้ามเนื้อหัวเข่าอย่างสม่ำเสมอ เเต่ถ้าเป็นในยุคปัจจุบัน อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมดครับ
มีการพบคนเป็นข้อเข่าเสื่อมในอายุที่น้อยลงเรื่อย ๆ ครับ เเน่นอนยิ่งอายุเยอะ ยิ่งมีอัตราการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมากขึ้น เเต่ถ้าเราไม่ใส่ใจดูเเลจริงจัง เราอาจจะเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัวครับ

การดูเเลรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมเเนวใหม่ ตอนที่ 1
หนึ่งในโรคที่คนไทยเป็นกันมาก เรียกได้ว่า ในเกือบทุกครอบครัวจะต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 1 คนที่มีอาการจากโรคนี้ไม่มากก็น้อย คือ โรคข้อเข่าเสื่อม มาดูวิธีป้องกัน รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม ว่ามีวิธีใดบ้าง
หลังผ่านช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ประชากรมีความสุขที่สงครามยุติเสียที เริ่มที่จะผลิตลูกหลานออกมามากขึ้น เราเรียกช่วงเวลานั้นว่า Baby Boom เเละเรียกประชากรที่เกิดในช่วงนี้ว่า Baby Boomer จนกระทั่งราว ปี พ.ศ. 2480-2500 คนทั่วโลกเริ่มตระหนักว่า จำเป็นต้องควบคุมการผลิต จึงมีการคิดค้นถุงยางอนามัย เเละวิธีคุมกำเนิดใหม่ ๆ ตามมา